ข้อมูลท่องเที่ยว – ฟิลิปปินส์

ฟิลิปปินส์ (the Philippines) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (Republic of the Philippines) เป็นประเทศที่ประกอบด้วยเกาะจำนวน 7,107 เกาะ ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากเอเชียแผ่นดินใหญ่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 100 กม.และมีลักษณะพิเศษคือเป็นประเทศเพียงหนึ่งเดียวที่มีพรมแดนทางทะเลที่ติดต่อระหว่างกันยาวมากที่สุดในโลก นิวสเปน (พ.ศ. 2064-2441) และสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2441-2489) ได้ครองฟิลิปปินส์เป็นอาณานิคมเป็นเวลา 4 ศตวรรษ และเป็นสองอิทธิพลใหญ่ที่สุดต่อวัฒนธรรมของฟิลิปปินส์ฟิลิปปินส์เป็นชาติเดียวในเอเชีย ที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์
และเป็นหนึ่งในชาติที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตกมากที่สุด เป็นการผสมผสานกันระหว่างตะวันตกและตะวันออก ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ อาร์โนลด์ โจเซฟ ทอยน์บี (Arnold Joseph Toynbee) นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้กล่าวไว้ในงานของเขาว่า ประเทศฟิลิปปินส์เป็นประเทศลาตินอเมริกาที่ถูกพัดพาไปยังตะวันออก โดยคลื่นทะเลยักษ์

Flag_of_the_Philippines.svg

 

 

 

ภูมิศาสตร์ ลักษณะภูมิประเทศ เป็นหมู่เกาะของเทือกเขาหินใหม่ พื้นที่ทุกเกาะมีภูเขาเป็นแกนกลาง มีที่ราบอยู่น้อย เป็นที่ราบแคบ ๆ ที่ราบสำคัญ คือ ที่ราบตอนกลางของเกาะลูซอน เรียกว่า ที่ราบมะนิลา เป็นที่ราบที่ใหญ่ที่สุด ลักษณะภูมิอากาศ มรสุมเขตร้อน ได้รับความชุ่มชื้นจากลมมรสุมทั้ง 2 ฤดูได้รับฝนจากลมพายุไต้ฝุ่น และดีเปรสชั่น บริเวณที่ฝนตกมากที่สุด คือ เมืองบาเกียว เป็นเมืองที่ฝนตกมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประชากร มีปัญหาชนกลุ่มน้อยมุสลิมในเกาะมินดาเนา ซึ่งต้องการแยกตัวเป็นอิสระ เรียกว่า “แนวปลดปล่อยแห่งชาติโมโร” วัฒนธรรม ฟิลิปปินส์เป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของตะวันตกก่อนจะได้มีโอกาสพัฒนาวัฒนธรรมของตัวเอง วัฒนธรรมฟิลิปปินส์จะมีส่วนคล้ายกับประเทศในละตินอเมริกา ประชาชนแบ่งออกเป็นชุมนุมชนทางเชื้อชาติและภาษาที่แตกต่างกัน ภาษา มีการใช้ภาษามากกว่า 170 ภาษา โดยส่วนมากเกือบทั้งหมดนั้นเป็นตระกูลภาษาย่อยมาลาโย-โปลินีเซียนตะวันตก แต่ในปี พ.ศ. 2530 รัฐธรรมนูญได้ระบุให้ภาษาฟิลิปิโนและภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ ส่วนภาษาต่างประเทศอื่น ๆ ที่ใช้กันมากในประเทศฟิลิปปินส์มีทั้งหมด 8 ภาษา ได้แก่ ภาษาสเปน ภาษาจีนฮกเกี้ยน ภาษาจีนแต้จิ๋ว ภาษาอินโดนีเซีย ภาษาซินด์ ภาษาปัญจาบ ภาษาเกาหลี และภาษาอาหรับ โดยฟิลิปปินส์นั้น มีภาษาประจำชาติคือ ภาษา ตากาล็อก หมายเหตุ: จากการพูดคุยกับชาวฟิลิปปินส์โน (รวมถึงนั่งดูรายการทีวีและฟังจากสถานีวิทยุ) ทราบว่า ปัจจุบัน ชาวฟิลิปปินส์ มีการใช้ภาษาที่เรียกว่า ทากรีส (Tagalog + English) คือพูดตากาล็อกคำอังกฤษคำ ผสมกันไปในประโยคสนทนา แต่เป็นที่เข้าใจกันในหมู่ของประชาชน แม้แต่ในรายการทีวีและรายการวิทยุ ศาสนา ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกอันดับ 4 ของโลก นิกายโปรเตสแตนต์อันดับ 13 ของโลก ศาสนาอิสลามอันดับที่ 40 ของโลก ศาสนาฮินดูอันดับที่ 7 ของโลก และพระพุทธศาสนาอันดับที่ 17 ของโลก ร้อยละ 92 ของชาวฟิลิปปินส์ทั้งหมดนับถือศาสนาคริสต์ โดยร้อยละ 83 นับถือนิกายโรมันคาทอลิก และร้อยละ 9 เป็นนิกายโปรเตสแตนต์

 

สถานที่ท่องเที่ยว ฟิลิปปินส์

มะนิลา

มะนิลา (Manila) ถือว่าเป็นเมืองใหญ่ ที่สำคัญที่สุดของฟิลิปปินส์ ตั้งอยู่ ณ ปากแม่น้ำปาชิก (Pasig) ก่อนจะไหลเรื่อยสู่มหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อครั้งเก่าก่อนในสมัยที่ตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของประเทศสเปน มะนิลา งามจนได้รับสมญานามว่า “ไข่มุกแห่งบูรพา” (Pearl of The Orient)

หากแต่ในปัจจุบันนี้ มะนิลา ก็ยังคงความงามอยู่เสมอในห้วงคำนึงของนักเดินทาง ที่สำคัญยิ่งกว่าเมืองแห่งนี้เป็นเมืองหลวงที่เป็นศูนย์กลางการค้าและอุตสาหกรรม รวมไปถึงการท่องเที่ยวที่สำคัญของฟิลิปปินส์ที่ไม่ควรพลาดไปเยี่ยมเยือน

Photographer

อวลไอกลิ่นความหลังที่ “อินทรามูรอส”

การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ประจำเมือง ถือเป็นการโหมโรงการเดินทางที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะกิจกรรมนี้จะทำให้เราซาบซึ้งกับความเป็นมาของแต่ละสถานที่ ที่เรากำลังจะพัดผ่านไปเยี่ยมเยือน ดังนั้น ก่อนจะเรื่อยเลาะไปยังสถานที่อื่น ๆ ภายในมะนิลา การมาย้อนอดีตกันที่ อินทรามูรอส จึงถือเป็นโปรแกรมที่พลาดไม่ได้จริง ๆ

อินทรามูรอส (Intramuros) ตั้งอยู่ ณ ริมแม่น้ำฟาร์ซิกไรซัล (Rizal Park) ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1571 โดยกลุ่มชาวสเปนที่มีผู้นำในการก่อสร้างคือ Miguel Lopez de Legazpi เพื่อป้องกันการรุกรานจากกลุ่มโจรสลัด อินทรามูรอส เคยถูกเปลี่ยนมือไปสู่การดูแลของอังกฤษในช่วงปีค.ศ.1762 ก่อนที่สเปนจะตีคืนมาได้ใน 2 ปีถัดมา และ อินทรามูรอส ก็ถูกเปลี่ยนมืออีกครั้งไปสู่สหรัฐอเมริกาในปีค.ศ.1898 ก่อนที่จะถูกญี่ปุ่นเข้าทำลายและยืดครองในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

หลังจากที่ผ่านทั้งพายุ แผ่นดินไหว ไฟไหม้ และภัยสงคราม อินทรามูรอส ก็แทบจะไม่เหลืออะไรให้เห็น กระทั่งกลายเป็นเมืองร้างในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่ทางการจะยื่นมือเข้ามาบูรณปฏิสังขรณ์ จนมีสภาพดีขึ้นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเมื่อมาเยือนมะนิลา ภายใน ป้อมอินทรามูรอส ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองการศึกษา วัฒนธรรม ศาสนา และการค้า ฯลฯ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมเหมือนเมืองในสมัยยุโรปยุคกลาง ที่มีกำแพงล้อมรอบและค่ายป้อมยามมิดชิด ภายในพื้นที่เกือบ 400 ไร่ ถูกล้อมด้วยกำแพงหินสูงที่มีโบสถ์ โรงเรียน และสถานที่ราชการตั้งอยู่ภายใน

manila

DSC03497

 สืบศรัทธาจาก “โบสถ์ซานอะกุสติน” ถึง “โบสถ์มะนิลา”

นักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่หลายคนต่างก็เคยพูดไว้ในบทบันทึกการเดินทางของเขาอยู่เสมอว่า “หากอยากสัมผัสถึงจิตวิญญาณที่แท้จริงของผู้คนในพื้นที่ที่เราไปเยือนต้องไม่พลาดการไปชมศาสนสถาน” ดังนั้น เมื่อมาเยือนมะนิลาทั้งที การไม่ได้ไปชมศาสนสถานประจำเมืองจึงเป็นเรื่องน่าเสียดาย เริ่มต้นการสัมผัสจิตวิญญาณของชาวมะนิลากันก่อนที่ โบสถ์ซานอะกุสติน (San Agustin Church) ซึ่งสร้างขึ้นในปีค.ศ.1599 ตามแบบสถาปัตยกรรมของสเปน สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลังมีความสง่างาม ถือเป็นสิ่งปลูกสร้างหนึ่งเดียว ภายในอินทรามูรอสที่ไม่ถูกระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2

เสน่ห์ของ โบสถ์ซานอะกุสติน ก็คือผนังโบสถ์ด้านหน้าที่ชวนมองในสไตล์ดอริกเกลี้ยง ๆ รวมถึงบานประตูใหญ่ที่แกะสลักหินเป็นรูปนักบุญอะกุสติน กับนักบุญโมนีกาที่งดงามน่าเจริญศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง ใกล้ ๆ กับโบสถ์ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสมบัติล้ำค่าไว้ให้ได้ชื่นชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานศาสนศิลป์ งานประณีตศิลป์รวมถึงงานเครื่องถ้วยแบบสเปนและเม็กซิกัน

 

ถัดจากโบสถ์ซานอะกุสตินก็ควรพาตัวเองไปเยี่ยมโบสถ์เก่าแก่ที่สำคัญของมะนิลานั่นคือ โบสถ์มะนิลา (Manila Cathedral) ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยที่มะนิลาเป็นส่วนหนึ่งของอาณานิคมสเปน โดยพระประสงค์ของพระสันตะปาปาเกรโกรีที่ 13 ดังนั้น โบสถ์แห่งนี้จึงมีอายุเก่าแก่กว่า 500 ปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่โบสถ์แห่งนี้จะผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน ที่สำคัญยังคงยืนหยัดอยู่คู่ศรัทธาของชาวกรุงมะนิลามาจวบจนปัจจุบัน

 เยือนถิ่นเก่าผู้ดีสเปนที่ “คาซา มะนิลา”

manila1

คาซา มะนิลา (Casa Manila) ถือเป็นหย่อมย่านที่พักอาศัยของชนชั้นสูงชาวสเปนในอดีต ซึ่งถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ สำหรับคนที่โหยหาเรื่องราวในอดีต หากเดินย่ำต๊อกไปตามถนนสายเล็ก ๆ ภายในย่านแห่งนี้ก็จะได้สัมผัสกับตึกทรงโบราณแบบสเปน ที่สวยงามแปลกตาและหาชมไม่ได้ง่าย ๆ แม้ในประเทศเจ้าอาณานิคมอย่างสเปน ที่สำคัญยิ่งกว่าภายในอาคารต่าง ๆ เหล่านั้น ยังมีการจัดแสดงจำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่จริง ๆ ในสมัยนั้นให้ได้ชมกันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
หลังจากได้เดินชมความสวยงามของย่านคาซา มะนิลากันแล้ว ก็ควรอย่างยิ่งกับการมาเดินกันต่อที่ สวนไรซาล (Rizal Park) หรือเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่าื ลูเนตา (Luneta) เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่กลางกรุงมะนิลาทั้งยังเป็นทั้งตั้งของ อนุสาวรีย์โฮเซ่ ไรซาล (Jose Rizal) ผู้นำในการปลดแอกฟิลิปปินส์จากสเปนในช่วงค.ศ.1896-1898 และในบริเวณเดียวกัน ก็เป็นจุดที่ฟิลิปปินส์ประกาศอิสรภาพเหนือสหรัฐอเมริกาในปีค.ศ.1941 อนุสาวรีย์นี้จึงทวีความสำคัญในฐานะเป็นหลักกิโลเมตรแรก สำหรับนับระยะถนนทุก ๆ สายในเกาะลูซอน

  เชบู เมืองมนต์เสน่ห์แห่งประวัติศาสตร์

เซบู เกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศฟิลิปปินส์และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เซบูได้รับขนานนามว่า’เมืองราชินี’ ด้วยสภาพแวดล้อมที่ล้อมรอบด้วยเกาะเล็กๆนับร้อย พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบหินปูนที่งดงาม แนวภูเขาสลับซับซ้อน หาดทรายสีขาวบริสุทธิ์และน้ำทะเลสีฟ้าเป็นประกาย กิจกรรมที่นิยมมากที่สุดบนเกาะคือการดำน้ำ โดยเฉพาะการดำน้ำที่เกาะมาลาปาสกัวในบริเวณใกล้เคียงซึ่งเป็นจุดดำน้ำที่ดีที่สุดในเซบู ถือเป็นโลกใต้ทะเลที่ยังมีความสมบูรณ์ของแนวปะการังและสัตว์ทะเลหลากหลายสายพันธุ์ เซบูมีตัวเลือกโรงแรมและรีสอร์ทมากมายตลอดริมชายฝั่งให้เลือกพัก รวมถึงร้านอาหารและภัตตาคารชั้นเลิศ ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับคู่ฮันนีมูน ครอบครัวที่มาพักผ่อนวันหยุด และนักเดินทางทั่วไป เซบูมีครบทุกความต้องการสำหรับทุกคน

เซบู ฟิลิปปินส์ เป็นเมืองที่ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับความหลากหลายทางวัฒนธรรม ซึ่งในเซบูมีสิ่งที่น่าสนใจอย่างมากมาย นอกจากนี้ฟิลิปปินส์มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วโลก และเซบูมีสถานที่น่าสนใจซึ่งได้รับการดูแลรักษาเป็นมรดกสืบต่อกันมา

 ไม้กางเขนโบราณของมาเจลลันในเซบู

 

ปัจจุบันไม้กางเขนเดิมถูกหุ้มทับด้วยไม้ tindalo เพื่อป้องกันมิให้เสื่อมสภาพมากไปกว่าที่เป็นอยู่ และยังคงตั้งอยู่ในตำแหน่งเดิมเหมือนกับที่เคยอยู่เมื่อปีค.ศ.1521 ไม้กางเขนนี้เป็นสัญลักษณ์การประกาศศาสนาคริสต์โดยนักสำรวจชาวโปรตุเกสชื่อเฟอร์ดินาน มาเจลลัน โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในพีธีรับศีลและล้างบาปของพระราชาฮุมาบน พระราชินีจูอานา และชาวฟิลิปปินส์อีก 400 คน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเผยแผ่ศาสนาคริสต์ที่นี่ ต่อมาในศตวรรษที่ 16 พระคริสต์ออกัสติเนียนได้จัดสร้างอาคารแปดเหลี่ยม ณ จุดนี้เพื่อเป็นที่ตั้งของไม้กางเขน

 เกาะโบโฮล (Bohol

ภูเขาช็อกโกแลต (The Chocolate Hills) ตั้งอยู่ในเกาะโบโฮล (Bohol) ของประเทศฟิลิปปินส์ โดยสาเหตุที่เรียกว่า ภูเขาช็อกโกแลต นั้น คงเป็นเพราะรูปร่างของภูเขาที่มีลกษณะภูเขาหินปูนทรงกรวยคว่ำ ที่มีจำนวนมากกว่า 1,268 ลูก

intramuros-550x3662

จากการสันนิษฐาน พบว่าภูเขาเหล่านี้อาจเป็นแนวปะการังที่อยู่ใต้ทะเล เมื่อหลายล้านปีก่อนโน้น ซึ่งได้มีการทับถมกันมานานจนก่อให้เกิดรูปร่างดังปัจจุบัน
 ภูเขาช็อกโกแลต มีความสวยงามในแบบต่างๆกัน เพราะหากคุณมาในช่วงหน้าฝน คุณจะพบกับภูเขาสีเขียวนับพันลูก ที่ซ้อนกันเป็นหย่อมในระดับความสูงที่เท่าๆ กัน ซึ่งมีความสวยงามไปอีกแบบ ส่วนในช่วงหน้าแล้ง คุณจะพบว่าหญ้าบนภูเขาจะค่อยๆกลายเป็นสีน้ำตาล ราวกับมีคนเอาช็อกโกแลตมาราดบนภูเขาเหล่านี้เลย

ที่มา http://travel.kapook.com/view16286.html