แอลจีเรีย-กาตาร์-ตูนีเซีย-ลิเบีย 13 วัน
8-20 พ.ย.  ราคา 159,000

วันแรกของการเดินทาง///กรุงเทพฯ-กาตาร์
06.00     คณะพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 เคาน์เตอร์เช็คอินของสายการบิน Qatar Airways โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯคอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระ รวมถึงการตรวจสอบเอกสารสำคัญของทุกท่านก่อนการเดินทาง
08.35     เดินทางออกจาก กรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่โดฮา ประเทศกาตาร์ โดยสายการบิน Qatar Airways  เที่ยวบินที่ QR831 (ใช้เวลาในการเดินทาง 7.35 ชั่วโมง)
เที่ยง      รับประทานอาหารเที่ยงบนเครื่องบิน
12.10     เดินทางถึงกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ จากนั้นนำท่านเดินทางเที่ยวชมรอบกรุงโดฮาก่อนที่จะเดินทางต่อไปยัง ท่าเรือโดวห์ (Dhow Harbor) ท่าเรือเก่าแก่ของกรุงโดฮา สถานที่จอดเรือดั้งเดิม (เรือโดวห์) ของชาวอาหรับที่เคยใช้เดินทางจากคาบสมุทรอาหรับไปยังแอฟริกาตะวันออก เยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิสลามโดฮา (Museum of Islamic Art) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ปีคริสต์ศักราช 2008 ครอบคลุมพื้นที่ 45,000 ตารางเมตร มีที่ตั้งอยู่บนเกาะในคาบสมุทรเทียมใกล้กับท่าเรือโดวห์ สถาปัตยกรรมของตัวอาคารได้รับแรงบันดาลใจมากจากศิลปะแบบอิสลามดั้งเดิมผสมผสานกับรูปแบบเรขาคณิตมีทั้งหมด 5 ชั้น แบ่งเป็นหอศิลป์ โรงละคร ห้องสมุด ห้องเรียน ห้องอาหาร และห้องสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาสำหรับชาวมุสลิม นอกจากนี้พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิสลามโดฮายังเป็นสถานที่เก็บสะสมวัตถุโบราณ ผลงานศิลปะ โลหะ เซรามิก อัญมณี และสิ่งทอ ที่สมบูรณ์มากที่สุดในโลกและมีอายุมากกว่า 1,400 ปี นับตั้งแต่ช่วงคริสต์ศักราชที่ 7 จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19  จากนั้นนำท่านแวะชม ตลาดทองคำ หรือ โกลด์ซุก (Gold Souq) ตลาดค้าขายทองคำ อัญมณี และชุดเครื่องประดับ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโดฮาติดกับสถานีขนส่งและห้างสรรพสินค้าอัล ฟาร์ดาน พลาซ่า จากนั้นเดินทางต่อไปยัง ตลาดวาคีฟ หรือ ซุกวาคีฟ (Souq Waqif) ตลาดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ภายในอาคารที่มีตึกสูงทรงเกลียวคล้ายกับขดหอย แบ่งเป็น 2 โซน คือ โซนกาตารี่ และโซนฟิลิปิโน่ ซึ่งแบ่งโซนตามความหนาแน่นของประชากรชาวการ์ตาและชาวฟิลิปปินส์ที่มาทำการค้าขายที่ตลาดแห่งนี้ ภายในตลาดจะมีร้านค้าจำนวนมากที่ขายทั้งอาหาร เครื่องเทศ เครื่องดื่ม (ไม่มีแอลกอฮอล์) ยาสูบ ของที่ระลึก น้ำหอม และสัตว์เลี้ยง เป็นต้น
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก
พักที่โดฮา โรงแรม Millennium Hotel Doha หรือเทียบเท่าระดับ4ดาว
วันที่สองของการเดินทาง///โดฮา – แอลเจียร์ – อนุสาวรีย์แห่งการเสียสละ – มัสยิดเก่าแก่เอล ดีเจดดิด – จัตุรัสกลางเมือง – แกรนเด้ โพสเต้ – สวนพฤกษาศาสตร์เอล แฮมม่า – พิพิธภัณฑ์ศิลปะและวัฒนธรรมแอลจีเรีย
เช้า
         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมแบบกล่อง
07.20     เดินทางออกจาก โดฮา มุ่งหน้าสู่ แอลเจียร์ (Algiers) โดยสายการบิน Qatar Airways เที่ยวบินที่ QR1379 (ใช้เวลาในการเดินทาง 8 ชั่วโมง)
เที่ยง      รับประทานอาหารเที่ยงบนเครื่องบิน
13.10     เดินทางถึง ท่าอากาศยานเอารี บูมเมอเดียน (Houari Boumediene Airport) เมืองแอลเจียร์ ประเทศแอลจีเรีย หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าสัมภาระแล้ว นำท่านเดินทางไปยังใจกลางเมือง แอลเจียร์ (Algiers) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศแอลจีเรีย ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของอ่าวในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ชื่อของเมืองมาจากคำในภาษาอาหรับที่แปลว่าเกาะซึ่งหมายถึง 4 เกาะที่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งของเมืองและกลายเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ในปัจจุบัน นำท่านเยี่ยมชม อนุสาวรีย์แห่งการเสียสละ (Monument of the Martyrs) สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานเชิดชูเกียรติของเหล่าทหารแอลจีเรียที่สละชีวิตในสงครามกู้อิสรภาพ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแอลเจียร์ และเปิดตัวในปีคริสต์ศักราช 1982 ในวันครบรอบการเป็นอิสระของประเทศแอลจีเรีย ลักษณะของอนุสาวรีย์นี้จะประกอบไปด้วยใบปาล์ม 3 ใบประกบกันในแนวตั้ง และที่ขอบของแต่ละใบจะมีทหารยืนเฝ้าอยู่ จากนั้นเยี่ยมชม มัสยิดเก่าแก่เอล ดีเจดดิด (El Djedid Mosque) สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17  โดยใช้สถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างสไตล์ฝรั่งเศสและสไตล์ดั้งเดิม เยี่ยมชม จัตุรัสกลางเมือง (Place Emir Abdelkader) อันเป็นสถานที่ตั้งของอนุสาวรีย์เชิดชูเกียรติของนายพลชาวฝรั่งเศสนามว่า Emir-Abdelkader จากนั้นนำท่านเยี่ยมชม แกรนเด้ โพสเต้ (neo-Moorish Grande Poste) อาคารสำนักงานไปรษณีย์หลักของเมืองแอลเจียร์ สร้างขึ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยใช้สถาปัตยกรรมสไตล์ฝรั่งเศส นำท่านเดินทางต่อไปยัง สวนพฤกษาศาสตร์เอล แฮมม่า (El-Hamma Garden) เปิดให้บริการในปีคริสต์ศักราช 1832 เป็นสถานที่รวบรวมและจัดแสดงพันธุ์ไม้ดอกนานาชนิดครอบคลุมพื้นที่บริเวณ 580,000 ตารางเมตร จากนั้นนำท่านเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์ศิลปะและวัฒนธรรมแอลจีเรีย (Algeria Museum of Popular Arts and Traditions) เพื่อทำความรู้จักกับประเทศนี้ในแง่มุมต่าง ๆทั้งด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม สังคมและความเป็นอยู่ของประชากรภายในประเทศ เมื่อได้เวลาอันสมควรแล้วนำท่านเดินทางไปยังโรงแรมที่พักเพื่อทำการเช็คอิน
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
พักที่ แอลเจียร์ โรงแรม Grand Hotel Mercure Alger Aeroport หรือเทียบเท่าระดับ4ดาว
วันที่สามของการเดินทาง///แอลเจียร์-กงส์ตองติน-ทิมกัต-กงส์ตองติน
เช้า         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังสนามบิน
07.20     เดินทางออกจาก แอลเจียร์ มุ่งหน้าสู่ กงส์ตองติน (Constantine) โดยสายการบิน Air Algerie เที่ยวบินที่ AH6190 (ใช้เวลาในการเดินทาง 1.05 ชั่วโมง)
08.25     เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติโมฮาเมด บูดิอาฟ (Mohamed Boudiaf International Airport) เมืองกงส์ตองติน ประเทศแอลจีเรีย หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าสัมภาระแล้ว นำท่านเดินทางผ่านเมืองกงส์ตองติน (Constantine) ไปยัง ทิมกัต (Timgad) ตั้งอยู่บริเวณทางตอนเหนือของเทือกเขาออร์เร็ส (Aurès mountains) ห่างจากเมืองกงส์ตองติน 110 กิโลเมตร เป็นสถานที่ตั้งของเมืองโบราณภายใต้การปกครองของจักรพรรดิไตรดานุส แห่งจักรวรรดิ์ทราจัน (Emperor Trajan) ผู้ดำรงตำแหน่งจักรพรรดิโรมันช่วงปีคริสต์ศักราช 98 จนถึงปีคริสต์ศักราช 117 ถูกสร้างขึ้นในปีคริสต์ศักราช 100 โดยชื่อเต็มของเมืองคือ Colonia Marciana Ulpia Traiana Thamugadi ผังเมืองสร้างตามแบบฉบับของโรมัน เส้นทางหลักของเมืองถูกปูด้วยแผ่นหินปูนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ อาคารสร้างขึ้นจากหิน บางส่วนของพื้นที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นค่ายทหารของ Augustan Legion III และเป็นศูนย์กลางการปกครองของโรมันในขณะนั้น ปัจจุบันเมืองโบราณทิมกัตได้รับการคัดเลือกจากองค์กรยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลก (World Heritage Site) ในปีคริสต์ศักราช 1982
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
จากนั้นนำท่าน เดินสำรวจเมืองโบราณทิมกัต เยี่ยมชมสถานที่ที่เป็นห้องสมุด ศาสนสถาน อัฒจันทร์ และมหาวิหารของจักรวรรดิ์ทราจัน เมื่อได้เวลาอันสมควรแล้วนำท่านเดินทางกลับไปยังเมือง กงส์ตองติน (Constantine) เมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองจากกรุงแอลเจียร์และเมืองออราน ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ-ตะวันออกของประเทศแอลจีเรีย อยู่ห่างจากกรุงแอลเจียร์ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ราว 320 กิโลเมตร สร้างขึ้นโดยชาวอาหรับมีลักษณะเป็นเมืองป้อมปราการบนโขดหินสูงกว่า 240 เมตร เหนือหุบเขาลำน้ำเบื้องล่าง มีกำแพงและประตูเมืองสร้างในสมัยกลาง รวมทั้งซากเมืองโรมันในบริเวณใกล้เคียง กงส์ตองตินเคยเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์นูมิเดียเมื่อประมาณ 2 ปีก่อนคริสต์ศักราช ต่อมาจักรพรรดิคอนสแตนติน มหาราชจักรพรรดิของโรมันได้บูรณะขึ้นใหม่ในปีคริสต์ศักราช 313 ต่อมาฝรั่งเศสยึดครองไว้ในปีคริสต์ศักราช 1837 นำท่านเยี่ยมชมรอบเมืองกงส์ตองติน เมื่อได้เวลาอันสมควรแล้วนำท่านเดินทางไปยังโรงแรมที่พักเพื่อทำการเช็คอิน
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
พักที่ กงส์ตองติน โรงแรม Hotel Cirta หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ของการเดินทาง///กงส์ตองติน-เมืองโบราณดีเจมิลา-เมืองเซตีฟ-พิพิธภัณฑ์ประจำเมืองเซตีฟ -แอลเจียร์
เช้า         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง เมืองโบราณดีเจมิลา (Djémila) มีพื้นที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านขนาดเล็กบริเวณภูเขาทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองแอลเจียร์ ครอบคลุมพื้นที่ภายในเขตการปกครองบางส่วนของเมือง Constantinois และเมือง Petite Kabylie สถาปัตยกรรมที่พบในการก่อสร้างเมืองโบราณแห่งนี้เป็นแบบ Berbero-Roman ซึ่งจะพบสถาปัตยกรรมรูปแบบนี้ในเฉพาะภูมิภาคแอฟริกาตอนเหนือเท่านั้น ดีเจมิลาได้รับการคัดเลือกจากองค์กรยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นมรดกโลก (World Heritage Site) ในปีคริสต์ศักราช 1982 นำท่านเยี่ยมชมลานกลางแจ้ง, ศาสนสถาน, มหาวิหาร, ซุ้มประตู, พิพิธภัณฑ์โมเสค และตลาดโรมันที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับไปยังเมืองแอลเจียร์ ระหว่างทางนำท่านแวะ เมืองเซตีฟ (Setif) เดิมเป็นเมืองเก่าแก่ที่อยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิโรมัน ปัจจุบันเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศแอลจีเรีย เนื่องจากเป็นเมืองหลวงทางการค้าในภูมิภาคตะวันออกของประเทศ นำท่านเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์ประจำเมืองเซตีฟ (Setif Museum) สถานที่เก็บรวบรวมและจัดแสดงผลงานเกี่ยวกับโมเสกแห่งหนึ่งที่ดีที่สุดในโลก
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
พักที่ แอลเจียร์ โรงแรม Hotel Albert หรือเทียบเท่า
วันที่ห้าของการเดินทาง///แอลเจียร์ – ป้อมปราการแห่งแอลเจียร์ – สุสานหลวงแห่งมอเรทาเนีย – พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งเชอร์เชลล์ – เมืองโบราณทิปาซ่า – แอลเจียร์
เช้า         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังพื้นที่ทางตอนใต้ของแอลเจียร์ติดกับทะเลเมอดิเตอร์เรเนียน เพื่อเยี่ยมชม ป้อมปราการแห่งแอลเจียร์ (Casbah of Algiers) ตั้งอยู่บนพื้นที่บริเวณชายฝั่งของทะเลเมอดิเตอร์เรเนียน สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 6 จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ล้อมรอบเมืองและพระราชวังเก่าแก่สไตล์ออตโตมัน ได้รับการคัดเลือกจากองค์กรยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นมรดกโลก (World Heritage Site) ในปีคริสต์ศักราช 1992 เยี่ยมชม Tombeau de la Chrétienne หรือ สุสานหลวงแห่งมอเรทาเนีย (Mausoleum of Mauritania) สถานที่ฝังพระศพของกษัตริย์ Berber Juba II ราชินี Cleopatra Selene II และสมาชิกของราชวงศ์แห่งจักรวรรดิมอเรทาเนีย ปัจจุบันสุสานหลวงแห่งนี้ได้รับการคัดเลือกจากองค์กรยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นมรดกโลก (World Heritage Site) ในปีคริสต์ศักราช 2001 เป็นกรณีเร่งด่วน เนื่องจากสุสานดังกล่าวอยู่ในสภาพเสื่อมโทรมและอยู่ในภาวะที่ต้องได้รับการอนุรักษ์เป็นกรณีพิเศษ จากนั้นเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งเชอร์เชลล์ (Archaeological Museum of Cherchell) สถานที่เก็บรวบรวมและจัดแสดงผลงานประติมากรรมหินอ่อน ชิ้นส่วนโบราณวัตถุ  ภาพโมเสก ในยุคกรีกโรมัน
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
เมื่อได้เวลาอันสมควรแล้วนำท่านเดินทางไปยัง เมืองโบราณทิปาซ่า (Tipasa) หนึ่งในเมืองเก่าแก่ของอาณาจักรโรมัน ตั้งอยู่ในพื้นที่ตอนกลางของประเทศแอลจีเรีย ได้รับการคัดเลือกจากองค์กรยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นมรดกโลก (World Heritage Site) ในปีคริสต์ศักราช 2002 ปัจจุบันหลงเหลือเพียงแต่ซากปรักหักพังของมหาวิหาร สุสาน โรงอาบน้ำ โรงละคร อัฒจันทร์ และท่าเรือโบราณ จากนั้นนำท่านเดินทางกลับไปยังโรงแรมที่พัก ณ เมืองแอลเจียร์
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
พักที่ แอลเจียร์ โรงแรม Grand Hotel Mercure Alger Aeroport หรือเทียบเท่าระดับ4ดาว
วันที่หกของการเดินทาง///แอลเจียร์-ออราน-ป้อมปราการเมืองออราน-พระราชวังริมชายหาด-มัสยิดใหญ่เมืองออราน
เช้าตรู่    รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังสนามบิน
07.00     เดินทางออกจาก แอลเจียร์ มุ่งหน้าสู่ ออราน (Oran) โดยสายการบิน Air Algerie เที่ยวบินที่ AH6180 (ใช้เวลาในการเดินทาง 1.15 ชั่วโมง)
08.15     เดินทางถึง ท่าอากาศยานออราน เอส เซเนีย (Oran Es Sénia Airport) เมืองโอราน ประเทศแอลจีเรีย นำท่านเดินทางไปยังใจกลางเมือง ออราน (Oran) เมืองที่ใหญ่สุดเป็นอันดับ 2 ของแอลจีเรีย ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของแอลจีเรีย ชื่อของเมืองมาจากคำว่า Wahran (ภาษาของชนเผ่าอิสระ Berber) มีความหมายว่าสิงโตสองตัว อันเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองออรานในปัจจุบัน นำท่านเยี่ยมชม ป้อมปราการเก่าแก่ประจำเมืองออราน สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 โดยสุลต่านเอโบห์ เฮสเซน แห่งราชวงศ์มารีนิด (Merinid Sultan Abou Hassan) จากนั้นนำท่านเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือได้ชื่อว่าเป็นเสน่ห์ของเมืองออราน ได้แก่ โรงภาพยนตร์สถาปัตยกรรมโคโลเนียล (Colonial Theater), ที่ราบสูง Murdjadjou ซึ่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของท่าเรือเมืองออราน และท่าเรือเก่าแก่ยุคโรมัน Mers El Kebir
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง พระราชวังริมชายหาด (Bey’s Palace) สร้างขึ้นในปีคริสต์ศักราช 1340 โดยสุลต่านเอโบห์ เฮสเซน แห่งราชวงศ์มารีนิด (Merinid Sultan Abou Hassan) และได้รับการบูรณะเพิ่มเติมเรื่อยมาจากประเทศที่เข้ามายึดครองเมืองออราน ได้แก่ สเปน (ปีคริสต์ศักราช 1509) ออตโตมัน (ปีคริสต์ศักราช 1700) และฝรั่งเศสในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 เมื่อได้เวลาอันสมควรแล้วนำท่านเยี่ยมชม มัสยิดใหญ่ประจำเมืองออราน นำท่านเยี่ยมชม ท่าเรือซานตาครูซ (Santa Cruz Fort) และเดินชมผลงานประติมากรรมตามแบบฉบับโคโลเนียลบริเวณใจกลางเมือง  ก่อนเดินทางไปยังโรงแรมที่พักเพื่อทำการเช็คอิน
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
พักที่ ออราน โรงแรม Hotel Royal หรือเทียบเท่า
วันที่เจ็ดของการเดินทาง///ออราน-ตแลมแซน-มัสยิด Sidi Bel Hassan-ซากโบราณสถานแมนซัวร์ราห์
เช้า         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังเมือง ตแลมแซน (Tlemcen) (ระยะทาง 175 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 2.30 ชั่วโมง) เมื่อเดินทางถึงเมือมตแลมแซน เมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศแอลจีเรีย เคยเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรเบอร์เบอร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 13 เป็นศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมสมัยมัวร์ ตกอยู่ใต้การปกครองของอาณาจักรออตโตมันในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นของฝรั่งเศสเมื่อปีคริสต์ศักราช 1842 และในปีคริสต์ศักราช 2011 เป็นต้นมาตแลมแซนได้เป็นเมืองศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของผู้นับถือศาสนาอิสลาม นำท่านเยี่ยมชม มัสยิด Sidi Bel Hassan หนึ่งในมัสยิดที่สวยที่สุดในแอฟริกาเหนือ ก่อสร้างในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดยใช้สถาปัตยกรรมแบบอิสลามดั้งเดิม
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
จากนั้นนำท่านเยี่ยมชม ซากโบราณสถานแมนซัวร์ราห์ (Ruins of Mansourah) ก่อสร้างในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 เป็นสถานที่ตั้งของมัสยิดที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองตแลมแซนและเป็นสถานที่ฝังศพของผู้นำศาสนาอิสลามนามว่า Sidi Boumediene เมื่อได้เวลาอันสมควรแล้วนำท่านเดินทางไปยังโรงแรมที่พัก ณ เมืองออราน
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
พักที่ ออราน โรงแรม Hotel Royal หรือเทียบเท่า
วันที่แปดของการเดินทาง///ออราน-แอลเจียร์ตูนิส
เช้า         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
10.35     ออกเดินทางสู่แอลเจียร์โดยสายการบิน Air Algerie เที่ยวบินที่ AH6109
11.50   เดินทางถึงเมืองแอลเจียร์
เที่ยง
      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
17.10    เดินทางต่อไปยังตูนิส โดยสายการบิน Nouvelair เที่ยวบินที่ TU131 (ใช้เวลาบิน1.20ชม.)
18.30 เดินทางถึงสนามบินนานาชาติ นคาร์เธจ เมืองตูนิส ประเทศตูนิเซีย ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม
พักที่ตูนิส Novotel Torino Corso Giulio Cesare หรือเทียบเท่าระดับ4ดาว
วันที่เก้าของการเดินทาง/// เมืองตูนิส-ทริโปลี
เช้า         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม พิพิธภัณฑ์บาร์โด (Bardo Museum) สถานที่ซึ่งรวบรวมร่องรอยในอดีตทั้งหมดของตูนีเซีย ซึ่งเคยเป็นพระราชวังเก่าของเจ้าผู้ครองตูนิสในยุคฮุสเซ็น (ศตวรรษที่ 18-19) ซึ่งเก็บประวัติศาสตร์อารยธรรมโลกไว้ต้งแต่หน้าแรก โดยเน้นที่ยุคโรมัน รุ่งเรืองต้นคริสกาล ผ่านยุคคริสเตียนแห่งไบแซนไทน์ ต่อเนื่องถึงยุคอิสลามในราวศตวรรษที่ 13 เป็นต้นมา สิ่งที่น่าสนใจเห็นจะเป็นโมเสกประดับพื้นประดับผนังที่จำลองมาจากบ้านคหบดีเก่าซึ่งขุดค้นมาได้จากทั่วประเทศ มีความงามอลังการถูกชื่นชมว่าสวยงามกว่า พิพิธภัณฑ์ซึ่งแสดงศิลปวัฒนธรรมของโรมันไหนๆ ทั้งสิ้น ซึ่งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายปักดิ้นเงินทองแบบอาหรับและเครื่องเงินซึ่งสวยงามมาก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น พิฑิธภัณฑ์ที่แสดงโมเสกที่ดีที่สุด สมบูรณ์ที่สุด และสวยงามที่สุดในโลก
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
ชมเมืองเก่าตูนิส (Medina of Tunis) ชมภาพย้อนกาลเวลา สู่เขตซึ่งผู้คนยังสวมชุดยาวกรอมเท้าใส่หมวกทรงกลมสีแดงเข้ม นั่งดูดมอระกู่ จิบชาสะระแหน่หรือกาแฟข้นเลื่องชื่อ ผู้คนเจรจาซื้อขาย สินค้าเฉกเดียวกับที่บรรพบุรุษชาวอาหรับเคยทำมานับร้อยปี ไม่ว่าจะเป็นพรมทอมือ เครื่อง ทองเหลือง เครื่องหนัง เสื้อผ้า จนถึงน้ำหอม และเครื่องเทศกลิ่นฉุนในเมดิน่า เสมือนกับท่านเดินย้อนสู่กาลเวลา เพลิดเพลินเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในสนามบิน
19.15    เดินทางต่อไปยังทริโปลี โดยสายการบิน Libyan Airlines เที่ยวบินที่ 305 (ใช้เวลาบิน1.15ชม.)
21.30    เดินทางถึงสนามบินนานาชาติ Tripoli (TIP)ทริโปลี ประเทศลิเบีย จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก
พักที่ ทริโปลี  Victoria Hotel หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
วันที่สิบของการเดินทาง///ทริโปลี-ซาบราทา – วิหารเทพเจ้าซุส – โรงละครสถาปัตยกรรมโคโลเนียลยุคคริสต์ศตวรรษที่ 2 พิพิธภัณฑ์แห่งซาบราทา – สุสานของเบส – โบสถ์โมเสกเก่าแก่ – ทริโปลี
เช้า
         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง เมืองซาบราทา (Sabratha) หนึ่งในสามของเมืองโรมันเก่าแก่ เดิมเป็นเมืองหลวงของกรุงตริโปลีในช่วงปีคริสต์ศักราช 2001 จนถึงปีคริสต์ศักราช 2007 และเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าเบอร์เบอร์ (Berber) หนึ่งในชนเผ่าโบราณของประเทศลิเบีย ก่อนจะกลายเป็นพื้นที่ค้าขายสินค้าของชาวฟินีเซียน (Phoenicians) ในเวลาต่อมา ปัจจุบันซาบราทาได้รับการคัดเลือกจากองค์กรยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปีคริสต์ศักราช 1982 นำท่านแวะชม วิหารเทพเจ้าซุส (Temple of Antoninus and Zeus) และ โรงละครสถาปัตยกรรมโคโลเนียลยุคคริสต์ศตวรรษที่ 2 (The 2nd century Colonnaded Theatre) จากนั้นแวะชม พิพิธภัณฑ์แห่งซาบราทา (Sabratha Classic Museum) เปิดทำการในปีคริสต์ศักราช 1932 ก่อสร้างอาคารโดยใช้สถาปัตยกรรมแบบโรมันดั้งเดิม จัดแสดงรูปปูนปั้นของเทพเจ้าโรมัน ชิ้นส่วนของผลงานจิตรกรรม และคอลเลกชั่นกระเบื้องโมเสก เป็นต้น แวะชม สุสานของเบส (The Mausoleum of Bes) และ โบสถ์โมเสกเก่าแก่ (Sabratha Church with its unique mosaics)
เที่ยง
      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เมื่อได้เวลาอันสมควรแล้วนำท่านเดินทางกลับไปยังกรุงทริโปลิ นำท่านเดินทางไปยังใจกลางกรุงตริโปลี (Tripoli) เมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเมืองหลวงของประเทศลิเบีย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ บริเวณขอบของทะเลทรายติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จึงทำให้มีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน คือ อากาศร้อน ฤดูร้อนแล้ง ฤดูหนาวฝนตก ตริโปลีก่อตั้งขึ้นเมื่อ 700 ปีก่อนคริสตกาล เดิมมีชื่อว่า เมืองเอีย ปัจจุบันตริโปลีเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ มีท่าเรือขนาดใหญ่ และเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยแห่งลิเบีย นำท่านแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญประจำกรุงตริโปลิ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ปราสาทแดง (The Red Castle Museum / Assaraya Alhamra Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่เปิดทำการในปีคริสต์ศักราช 1919 จัดแสดงนิทรรศการและวัตถุทางประวัติศาสตร์ อาทิ ซากดึกดำบรรพ์ หลักฐานเกี่ยวกับชนเผ่าโบราณและประเพณีของชาวลิเบีย สถาปัตยกรรมอิสลาม ประวัติศาสตร์ของประเทศลิเบีย แวะชม ประตูชัยแห่งมาร์คัส ออเรลิอุส (The Arch of Marcus Aurelius) เป็นประตูชัยที่สร้างโดยสถาปัตยกรรมแบบโรมันและใช้หินอ่อนในการก่อสร้างทั้งหมด คาดว่าสร้างขึ้นในปีคริสต์ศักราช 165 เดิมบริเวณทั้งสองด้านของซุ้มประตูประดับตกแต่งด้วยเทวรูปของเทพอพอลโล และเทพมิเนอร์ว่า
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม
พักที่ ทริโปลี  Victoria Hotel หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
วันที่สิบเอ็ดของการเดินทาง///ทริโปลีเลปติส แมกน่าทริโปลี
เช้า         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง เลปติส แมกน่า (Leptis Magna) เมืองการค้าซึ่งอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันออก 130 กิโลเมตร จากกรุงตริโปลี เมืองที่ถูกขนานนามว่า เป็นอาณาจักรโรมันที่มีชื่อเสียงและงดงามมากที่สุดในแอฟริกา และอาจเปรียบได้ว่าเลปติส แมกน่า เป็นกรุงโรมแห่งที่สอง นำท่านแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญประจำเมืองเลปติส แมกน่า ได้แก่ ประตูชัยแห่งเซปติมิอุส เซเวอรุส (Arch of Septimius Severus) สร้างขึ้นในปีคริสต์ศักราช 203 โดยใช้สถาปัตยกรรมโรมัน ได้รับการคัดเลือกจากองค์กรยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นมรดกโลกในปีคริสต์ศักราช 1982 แวะชม อัฒจรรย์แห่งเลปติส แมกน่า (The Hippodrome), โรงอาบน้ำ (The Hadrianic Baths), โรงอุปรากร (Amphitheatre), มหาวิหาร (Basilica), วิหารแห่งเทพเฮอคิวลิสและโรมา (Temples of Hercules and Roma) และ พิพิธภัณฑ์แห่งเลปติส แมกน่า (Museum of Leptis Magna)
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เมื่อได้เวลาอันสมควรแล้วนำท่านเดินทางกลับไปยังกรุงทริโปลิ จากนั้นแวะชม ย่านเมืองเก่าของตริโปลี (Medina) สถานที่ทางประวัติศาสตร์ของลิเบียที่ประกอบไปด้วยอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์รวมของร้านค้าต่าง ๆ จากทุกภูมิภาคในลิเบีย
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม
พักที่ ทริโปลี  Victoria Hotel หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
วันที่สิบสองของการเดินทาง/// ทริโปลี-ตูนิส
เช้า         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
09.00     เดินทางไปยังตูนิส โดยสายการบิน Libyan Airlines s เที่ยวบินที่ 302 (ใช้เวลาบิน1.15ชม.)
09.15     เดินทางถึงสนามบินนานาชาติ นคาร์เธจ เมืองตูนิส ประเทศตูนิเซีย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองคาร์เธจ (CARTHAGE) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เมืองซึ่งเคยเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในอดีต เป็นเมืองใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดเมืองหนึ่งในยุคโรมัน กระทั่งสงครามพิวนิกทำให้คาร์เธจเริ่มเสื่อมถอยจนกระทั่งพ่ายแพ้ต่อฮันนิบาล และถึงแก่กาลสลายไปเมื่อถูกพวกอาหรับยึดครองในปี ค.ศ.695 เมืองคาร์เธจได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ในปี ค.ศ. 1979 และได้มีการระดมนักโบราณคดีจากหลายชาติมาช่วยบูรณะเมือง ครอบคลุมพื้นที่เมืองพิวนิกและเมืองโรมันโบราณ นำท่านชม โรงอาบน้ำโรมันแอนโทนิน (Antonine Thermal Bath) ซึ่งจัดได้ว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในอาณาจักรโรมันซึ่งมีความยาวประมาณ 47 เมตรและความสูงประมาณ 15 เมตร จากนั้นนำท่านชม เมืองซิดิ บูร์ ไซด์ (Sidi Bou Said) มืองที่ตั้งอยู่บนเนินเขาติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมืองซิดิบูร์ไซด์แห่งนี้ได้รับสมญานามว่าเป็น เมืองที่โรแมนติกที่สุดในประเทศตูนีเซีย เพราะไม่เพียงแต่ทำเลที่ตั้งติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สิ่งปลูกสร้างยังได้รับอิทธิพลและอารยธรรมแบบแขกมัวร์ เช่นบ้านหรือรีสอร์ทริมทะเล จะทาตัวบ้านด้วยสีขาวตัดกับประตูและหน้าต่างสีฟ้า ชวนน่าพักผ่อน เมืองสีขาวประตูสีฟ้า เมืองแห่งแกลเลอรี่ ศูนย์รวมงานศิลปะของศิลปินชื่อดังในอดีต เมืองซิดิ บูร์ ไซด์ (Sidi Bou Said) เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญด้วยความงามของ เมื่อ 80 ปีที่แล้ว กลุ่มศิลปินอาวองต์ การด์ ของ ฝรั่งเศสอย่าง ชิโมน เดอ โบวร์, อังเดร กีด, ชอง ปอล ซาตร์ และจิตรกรชาวสวิสคนสำคัญ พอล คลี ได้เดินทางมาเยือนที่นี่
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นสมควรแก่เวลาเดินทางสู่สนามบิน
16.00     ออกเดินทางสู่โดฮาโดยสายการบิน Qatar Airways  เที่ยวบินที่ QR1400 (ใช้เวลาในการบิน 5.50ชั่วโมง)
23.50     เดินทางถึงสนามบินโดฮาแวะเปลี่ยนเครื่องเป็นเวลา 1.50 ชม.
วันที่สิบสามของการเดินทาง///กาตาร์-กรุงเทพฯ
01.40     ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Qatar Airways  เที่ยวบินที่ QR834 (ใช้เวลาบิน7ชั่วโมง)
12.40     เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพและประทับใจยิ่ง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

อัตราค่าบริการ
ผู้ใหญ่พักห้องคู่หรือเด็ก1 ท่านพักกับผู้ใหญ่1 ท่าน 159,000
ในกรณีต้องการพักห้องเดี่ยวเพิ่มท่านละ 19,000
เด็กต่ำกว่า12 ปี (เสริมเตียง-พักกับผู้ใหญ่อีก2 ท่าน) 159,000