มุมไบ-อชันตา-สถูปสาญจี 6 วัน

1-6 ม.ค. ราคา 45,900 บาท (กินดี อยู่ดี)


1 ม.ค. ////วันแรกของการเดินทาง กรุงเทพฯ-มุมไบ

18.00     คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์สายการบินแอร์อินเดีย
20.50     เหินฟ้าจากกรุงเทพฯสู่ เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย โดยสายการบินแอร์อินเดีย เที่ยวบินที่ AI331บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน(เวลาบินประมาณ 4.35 ชั่วโมง)
23.40     ถึงท่าอากาศยานนานาชาติมุมไบ จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก
พักที่มุมไบ โรงแรม
The Orchid Hotel ระดับ4ดาว


2 ม.ค. ////วันที่สองของการเดินทาง มุมไบ-Victoria Terminus(มรดกโลก)-ถ้ำช้าง(มรดกโลก)-ออลังกาบัด
เช้า         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ชมเมืองมุมไบ เป็นเมืองของเศรษฐกิจคนดังมีฐานะเป็น ฮอลีวู้ด (บอลลีวู้ด) ของอินเดียมานาน ยังเป็นศูนย์รวมของศรัทธาความเชื่อและวัฒนธรรหลากหลาย  มุมไบมีทะเลอาระเบียนโอบล้อมอยู่สามด้านเป็นศูนย์กลางด้านการค้าพาณิชย์ของอินเดียจึงดึงดูดให้คนมากมายมาที่เมืองแห่งนี้ ชมสถานีรถไฟ Victoria Terminusออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษ F.W.STEVENS เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิคได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกในปี2004จากนั้นนำท่านชม ประตูสู่อินเดีย ( GATEWAY OF INDIA )ซึ่งตั้งอยู่ริมน้ำในย่านอพอลโลบันเดอร์ประตูชัยนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในโอกาสที่พระเจ้าจอร์จที่ 5 และพระราชินีแมรี่ เสด็จมาร่วมงานเดลีดารบัรในปี 1911 วัสดุที่ใช้สร้างเป็นหินทรายสีน้ำผึ้ง  ยามเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นและตกแสงอาทิตย์จะทาบทาลงมา ทำให้ประตูเปลี่ยนสีจากทองเป็นส้ม จากส้มเป็นชมพูสวยงามมากจากนั้น นำท่านเข้าเยี่ยมชม มรดกโลก ที่เกาะช้าง นำท่านเดินทางโดยทางเรือเพื่อเข้าชม  ถ้ำช้าง
ELEPHANTA  CAVE )ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกในปี 1987ตั้งอยู่บนเกาะกลางอ่าว หน้าเมืองมุมไบประมาณ 1500 กว่าปีมาแล้ว กษัตริย์ราชวงศ์ไตรกูฏกะ  ปกครองดินแดนที่ราบสูงเผ่าเดคข่าน ตะวันตกของอินเดีย ได้มีรับสั่งให้ทำการสร้างถ้ำนี้ขึ้น เพื่ออุทิศถวายเป็นเทวสถานแด่องค์พระศิวะเทพ  นำท่านเคลื่อนย้ายไปยัง ท่าน้ำตรง GATEWAY OF INDIA  เพื่อทำการขึ้นเรือ โดยสารมุ่งหน้าไปยังถ้ำเกาะช้าง ( เรือไม้ขนาดไซด์บรรจุผู้โดยสารได้ถึง 50 ท่าน  จะออกจากท่าประมาณทุกๆ ครึ่งชั่วโมง )ภายหลังที่
เรือแล่นออกจากท่าน้ำ ท่านสามารถเก็บบันทึกภาพ ประตูชัยที่อยู่ติดกับ โรงแรมสุดหรู ทัชมาฮาล จากนั้น นำท่านชมภาพทิวทัศน์ของท่าเมืองมุมไบ  ตลอดเส้นทางเดินทาง ท่านจะสามารถเห็นฐานทัพเรือของอินเดีย ( จุดตรงนี้ ห้ามทำการถ่ายภาพ ) ในการเดินทางโดยทางเรือใช้เวลาประมาณ 45 นาที ผนังถ้ำส่วนแรก จะเป็นภาพสลักตอน “ศิวนาฎราช” ลักษณะพระศิวะเจ้าทรงแสดงการฟ้อนรำโดยกระบวนท่านาฏยศาสตร์108

ท่า  เพื่อให้อัฎจักรทุกสิ่งในจักวาล เคลื่อนที่ไปอย่างสมดุลกลางถ้ำ  มีประติมากรรมรูป มเหศวรตรีมูรติ “ หรือพระศิว 3 หน้าหรือ รูปปั้น  3 เศียร มีความสูงเกือบ 20 ฟีด ( TRIMURTI  ) ( ข้อมูล :   พระพักตร์ตรงกลาง เป็นพระศิวะผู้เมตตากรุณา หรือเรียกว่า “ จันทรเศษมูรติ “ พระพักตร์ทางด้านซ้าย จะเป็นพระศิวะปางดุร้าย เรียกว่า “ไภรวะ” พระพักตร์ทางด้านขวา จะเป็นใบหน้าสตรี ซึ่งหมายถึง“ พระอุมาภควดี” ซึ่งเป็นอัครมเหสีของพระองค์ )  ถัดมา นำท่านชมความงดงามของภาพ“ROYAL  WEDDING “   ระหว่างพระศิวะกับพระอุมา ( มีเรื่องเล่ากันว่า ก่อนชาติพระอุมา  พระนางได้เกิดมาในนามอื่น นั่นคือพระสตี พ่อตาเกิดรังเกียจลูก เขยอีกทั้งพูดจาถากถางดูถูก พระนางสตีจึงทำการโดดเข้ากองไฟเพื่อปกป้องเกียรติของพระสวามี ต่อมาเมื่อพระศิวะทราบจึงแผลงฤทธิ์ทำการสังหารคนที่ทำให้หญิงคนรักต้องจากไปจากนั้นพระองค์ก็แบกศพของนางสตีวิ่งร่ำไห้ไปรอบจักรวาลประดุจ จะขาดใจเมื่อสิ้นนางและพระองค์ก็ไม่ทำการชายตามองหญิงอื่นใดเลย จนกระทั่งพระสตีกลับชาติมาเกิดใหม่ เป็นเทพธิดาแห่งภูเขาหิมาลัย นามว่า พระอุมา “ )  ชมภาพ พระศิวะปราบอันธกาสูธ ( หมายถึง ปราบปีศาจแห่งความมืด )  ถัดมาด้าน ข้างตัวถ้ำมีโพรงใหญ่ใต้พื้น เป็นแอ่งน้ำธรรมชาติเขียวใส คนอินเดียถือว่า เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์  เพราะอยู่ใต้ถ้ำ  ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางกลับเข้าฝั่ง  เพื่อเคลื่อนย้ายไปยัง สนามบินเพื่อเดินทางต่อยังโดยเครื่องบินภายในประเทศสู่ออรังกาบัด
14.00     รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
17.50     ออกเดินทางสู่ออรังกาบัด โดยสายการบิน Air India เที่ยวบินที่AI644 (ใช้เวลาในการบิน1.30ชม)
19.35    
ถึงสนามบินออลังกาบัด จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองออรังกาบัด เมืองเก่าที่มีอารยธรรมและอิทธิพลของราชวงศ์โมกุล เมืองออรังกาบัดหมายถึงเมืองที่สร้างโดยมหาราชา ตั้งชื่อตามมหาราชาออรังเซฟ จักรพรรดิองค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์โมกุล เมืองออรังกาบัดเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว มีแหล่งท่องเที่ยงเชิงประวัติศาสตร์และศาสนา อาทิ ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า ป้อมเดาลาตาบัด บีบีกามาชค์มาร่า  นำท่านเข้าสู่ที่พัก
พักที่ออรังกาบัด The Ambassador Ajanta ระดับ 4 ดาว

3  ม.ค. ////วันที่สามของการเดินทาง เมืองออรังกาบัด-หมู่ถ้ำอชันตา-บีบี กา มักบารา
เช้า
         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ ถํ้าอชันต้า (Ajanta Cave) ระยะทางประมาณ 106 กม. ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.สู่ หมู่ถ้ำอชันตา ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปีค.ศ.1983 ชมความงดงามและอลังการของสถาปัตยกรรมที่ถูกสร้างขึ้นจากความศรัทธาในพระพุทธศาสนา โดยขุดเจาะภูเขาเป็นสังฆรามขนาดใหญ่แบบศิลปะคุปตะและหลังคุปตะอันวิจิตร ถํ้าอชันตา มีวัดถํ้าในพุทธศาสนาอยู่มากถึง 30 คูหา หมู่ถํ้าอชันตามีทั้งรูปประติมากรรมและงานจิตรกรรมอันวิจิตรงดงาม คงสภาพสมบูรณ์ ถํ้าถูกปิดซ่อนเอาไว้ จึงรอดพ้น

จากการทำลายล้างจากกองทัพผู้รุกรานมาได้ ถํ้าอชันตายังคงไว้ซึ่งงานพุทธศิลป์อันงามวิจิตร ความวิริยะอุสาหะของช่างฝีมือและศิลปินแต่ครั้งโบราณที่พยายามสกัดหน้าผาให้เรียบ แล้วค่อยๆ เจาะหินเข้าไปเป็นคูหา ด้านในจะเห็นองค์เจดีย์ องค์พระปฏิมาและพระโพธิสัตว์ ที่จำหลักจากเนื้อหินเดียวกันละเอียดงามพลิ้ว มีการลงลายเขียนสี กลายเป็นสุดยอดภาพจิตรกรรม ที่สีสันคงทนมานานนับพันปีจากนำท่านสู่จุดชมวิว ซึ่งท่านจะสามารถเห็นถํ้าอชันตาได้อย่างชัดเจน
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางกลับสู่ออรังกาบาด ระหว่างทางแวะชม บีบี กา มักบารา (Bibi Ka Maqbara) หรือ ทัชมาฮาลน้อย เพราะมีลักษณะสถาปัตยกรรมคล้ายทัชมาฮาล สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก โดยพระโอรสของออรังเซบ ทรงสร้างเพื่อรำลึกถึงพระมารดา (พระนาง บีกัมราเบีย อุเด ดาราณี) จากนั้นนำท่านชมวัดพุทธ แห่งเมืองออลังกาบัดที่ตั้งอยู่ในมหาวิทยาออลังกาบัด เป็นวัดพุทธที่บริหารงานและจัดตั้งโดยชาวอินเดียเองซึ่งน่าสนใจและมีเสน่ห์ที่แตกต่างจากวัดนานาชาติตามแหล่งสังเวชนียสถาน4ตำบล แวะให้ท่านได้ช้อปปิ้ง ซื้อของที่ระลึกตามอัธยาศัย  ได้แก่ เครื่องทองเหลือง  ผ้าปักลายโบราณ  ที่จำลองมาจากผนังถ้ำ อายุ 1,200 ปี   และเครื่องประดับลวดลายแปลกตา  พร้อมชมวิวทิวทัศน์ ของดินแดนชนบททางอินเดียตอนใต้ จากนั้นนำท่านเที่ยวชมตัวเมืองออรังกาบัดในยามเย็น
ค่ำ          บริการอาหารค่ำ ณ  ภัตตาคาร ภายในโรงแรม  
พักที่ออรังกาบัด The Ambassador Ajanta ระดับ 4 ดาว

4  ม.ค. ////วันที่สี่ของการเดินทาง ออรังกาบัด-หมู่ถ้ำเอลโลร่า-ป้อมเดาลาตาบัด-ออรังกาบัด-มุมไบ
เช้า
        รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านออกเดินทางสู่ ถํ้าเอลโลร่า (Ellora Cave) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองออรังกาบาด ระยะทางประมาณ 30 กม. ใช้เวลาประมาณ 1.45 ชม. ถํ้าเอลโลร่า ประกอบไปด้วยถํ้าทั้งหมด 34 คูหา เป็น วัดถํ้าศาสนาพุทธ (ถํ้าหมายเลข 1-12) เทวาลัยถํ้าในศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู (ถํ้าหมายเลข 14-16) และวิหาร
ถํ้าในศาสนาเชน (ถ้าหมายเลข 30 และ 32) ถํ้าเหล่านี้ขุดเจาะ เข้าไปในภูผาเมื่อราว10 ศตวรรษก่อน ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ในการสร้างเทียบได้กับการแกะสลักมหาวิหารทั้งหลังจากศิลาก้อนมหึมาทั้งก้อน หมู่ถ้าเอลโลร่าแห่งนี้ ล้วนสลักเสลาขึ้นด้วยนํ้ามือมนุษย์ทั้งสิ้น ถ้ำเอลโลร่าได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1983
เที่ยง
      บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางกลับสู่ออรังกาบาด ระหว่างทางนำท่านแวะชม ป้อมเดาลาตาบัด (Daulatabad Fort) ป้อมปราการโบราณรอบภูเขาดัลคีรี ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ยารวะ และถูกกษัตริย์อลาอุดดินคัลจิ ชาวมุสลิมยึดได้ในปี ค.ศ. 1296 กลายเป็นเมืองหลวงอินเดียภายใต้การปกครองของกษัตริย์มุสลิมอยู่พักหนึ่ง ก่อนถูกทิ้งร้างย้ายไปสร้างเมืองออรังกาบาด ชมซากมัสยิดที่ยังเหลือซากเสาจำนวน 106 ต้น ชมป้อมปราการ พระราชวังอายุกว่า 700 ปี จากนั้น นำท่านชม วัดกริชเณศวร ซึ่งภายในวัดประกอบไปด้วยเทวรูป พระพิฆเณ
ศวร และศิวลึงค์ จากนั้นนำท่านเดินทางกลับเมืองออลังกาบาด
ค่ำ          บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
20.20     ออกเดินทางสู่นครมุมไบ โดยสายการบิน Air India เที่ยวบินที่ AI441(ใช้เวลาในการบิน1.10ชม)
21.30     ถึงสนามบินนครมุมไบ จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักใกล้สนามบิน
พักที่มุมไบ โรงแรม
The Orchid Hotel ระดับ4ดาว


5 ม.ค. ////วันที่ห้าของการเดินทาง มุมไบ-โบพาล-มุมไบ
06.00     ออกเดินทางสู่โบพาล โดยสายการบิน Air India เที่ยวบินที่ AI633(ใช้เวลาในการบิน1.25ชม)
07.25     ถึงสนามบินโบพาล จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ภัตตาคาร
เช้า         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านชมเขตโบราณสถาน ภีมเพตกะ(Rock Shelters of Bhimbetka) ที่มีมวลหมู่ถ้ำพร้อมภาพเขียนโบราณสมัยหินใหม่กว่า500ถ้ำแบ่งได้เป็น5ยุค ไล่จากหินเก่าตอนต้นมาถึงยุคประวัติศาสตร์ตอนต้นละยุคกลาง สถานที่แห่งนี้มีความสำคัญมากที่สุดในยุคก่อนประวัติศาสตร์ของอินเดียจนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกในปี 2003 ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางกลับเมืองโบพาล นำท่านชมมัสยิด Taj-ul-Masajid ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดินทางต่อไป เมืองสาญจี (Sanchi) ระยะทางประมาณ 60 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
นำท่านชม มหาสถูปสาญจี (Buddhist Monuments at Sanchi )เป็นสถูปโครงสร้างหินที่เก่าแก่ที่สุดในอินเดีย สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช ในช่วงศตวรรษที่ 3 ไว้เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ล้อมรอบด้วยทางเดินที่ถอดแบบมาจากวงล้อพระธรรมจักร ได้ชื่อว่าเป็นตัวอย่างพิเศษของพุทธศิลป์ และสถาปัตยกรรมเจดีย์รูปถ้วยผ่าครึ่ง ทำจากอิฐ และคุณลักษณะห้องกลางซึ่งไว้เก็บพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูป เจดีย์ล้อมรอบด้วยซุ้มประตู ทั้ง 4 ด้าน แต่ละซุ้มจะเป็นเรื่องของพระพุทธประวัติ โดยเริ่มต้นจาก ซุ้มประตูทาง

ทิศใต้ แสดงเกี่ยวกับการประสูติและทศชาติชาดก ทิศตะวันออก แสดงตั้งแต่เป็นเจ้าชาย จนถึงแสวงหาการตรัสรู้ ทิศตะวันตก แสดงพระปฐมเทศนา ทิศเหนือ แสดงเกี่ยวกับพระธรรมจักร โดยปัจจุบัน มหาสถูปสาญจี และโบราณสถานใกล้เคียงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1989  โดยเราจะพาท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่เก็บดูแลรักษาพระพุทธรูปด้วย
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
21.50     ออกเดินทางสู่นครมุมไบ โดยสายการบิน Air India เที่ยวบินที่ AI632(ใช้เวลาในการบิน1.35ชม)23.25             ถึงสนามบินมุมไบใช้เวลาในการเปลี่ยนเครื่อง2.25ชั่วโมง

6 ม.ค. ////วันที่หกของการเดินทาง มุมไบ-กรุงเทพฯ
01.50
     ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Air India เที่ยวบินที่ AI330 (ใช้เวลาในการบิน4.55ชม)
18.35
     ถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพและประทับใจยิ่ง
…………………………………………………………………………………………………………….

อัตราค่าบริการ
ผู้ใหญ่พักห้องคู่หรือเด็ก 1 ท่านพักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน  42,900.-
ในกรณีต้องการพักห้องเดี่ยวชำระเพิ่ม   6,900.-
เด็กต่ำกว่า 12 ปี (เสริมเตียง-พักกับผู้ใหญ่อีก 2 ท่าน) 42,900.-