กรีนแลนด์-หมู่เกาะแฟโร 14 วัน
แถมเที่ยว เดนมาร์ก ไอซ์แลนด์4-17 ก.ย. ราคา  279,000 259,000 บาท
(รับสมาชิกจำนวนจำกัดเพียง 6 ท่านเท่านั้น เพราะห้องพักหายากมาก)

4 ก.ย. 61///วันแรกของการเดินทาง///สนามบินสุวรรณภูมิ

23.30     พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อทำการเช็คอิน สายการบิน Emirates  เจ้าหน้าที่บริษัทฯ และหัวหน้าทัวร์คอยให้บริการและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินให้แก่ท่าน

5 ก.ย. 61///วันที่สองของการเดินทาง///กรุงเทพฯ-ดูไบ-กรุงโคเปนเฮเก้น
02.25
     เหินฟ้าสู่สนามบินดูไบ โดย สายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK371 (ใช้เวลาบิน 6.10 ชม.)

05.35     ถึงสนามบินนานาชาติดูไบรอเปลี่ยนเครื่องเป็นเวลา 2.45 ชม.

08.20     ออกเดินทางสู่กรุงโคเปนเฮเก้น  โดยเที่ยวบินที่ EK151  (ใช้เวลาบิน 6.55 ชม.)
13.10     เดินทางถึงกรุงโคเปนเฮเก้น
เดินทางเข้าสู่ตัวเมืองโคเปนเฮเก้นตั้งอยู่ระหว่าง ทะเลบอลติคและทะเลเหนือ ล้อมรอบด้วยพื้นน้ำเกือบทั้งหมดภูมิประเทศประกอบด้วยคาบสมุทร Jutland  และเกาะต่างๆอีก 406 เกาะ นำท่านถ่ายรูปคู่กับ เงือกน้อยลิตเติ้ลเมอร์เมด Little Mermaid สัญลักษณ์ของเมือง จากนั้นชม น้ำพุเกฟิออน ซึ่งเป็นผลงานแอนเดอร์ส บุนด์การ์ด สร้างให้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองในโอกาสครบรอบปีที่ 50 จากนั้นชมจตุรัส “พระราชวังอามาเลียนบอร์ก” (Amalienborg Palace)ที่ประทับในฤดหนาวของราชวงศ์แห่งเดนมาร์ก จากนั้นนำท่านสู่ย่านนูฮาวน์ “NYHAVN” ซึ่งเป็นท่าเรือเก่าที่มีการขุดคลองเชื่อมต่อกับทะเลและยังเป็นที่ตั้งของบ้านเรือนตั้งแต่ยุคคริสต์ศตวรรษที่ 17  นำท่านชมจัตุรัสซิตี้ฮอลล์ อาคารเทศบาลเมืองเก่า เขตย่านใจกลางเมือง พร้อมอิสระให้ท่านได้เดินเล่นหรือช้อปปิ้งตามอัธยาศัย ย่านถนน “สตรอยเกท์”
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก
พักที่โคเปนเฮเก้น  First Hotel Mayfair หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
6 ก.ย. 61///วันที่สามของการเดินทาง///โคเปนเฮเก้น-คังเกอร์ลุสซวก (กรีนแลนด์)-RUSSELL GLACIER
เช้า         รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม จากนั้นออกเดินทางสู่สนามบิน
11.00     ออกเดินทางโดยสายการบิน Air Greenland เที่ยวบินที่ GL781 สู่เมืองคังเกอร์ลุสซวก (Kangerlussuaq) (ใช้เวลาในการบิน 4.40 ช.ม.)
11.40     ถึงสนามบินเมืองคังเกอร์ลุสซวก เมืองศูนย์กลางการบินทั้งภายในและระหว่างประเทศ ปกคลุมด้วยแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ (Greenland Ice Sheet) ที่ยิ่งใหญ่ รถโดยสารแบบ Off-Road จะนำท่านไปสัมผัสกับธารน้ำแข็งรัสเซล (Russell Glacier) หน้าผาน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่มีความสูงกว่า 60 เมตรเด่นตระหง่านอยู่ตรงหน้า ให้ท่านได้จินตนาการรูปลักษณ์คล้ายดั่งสัตว์ในเขตขั้วโลกเหนือ อาทิ หมีขาว แมวน้ำ หรือธารน้ำตก อันเป็นประติมากรรมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เราจะค่อยๆเดินขึ้นไปบนธารน้ำแข็งซึ่งทรงพลังที่สุดในธรรมชาติ ความใหญ่โตมหึมาล้อมรอบ 360 องศาที่จะทำให้ตื่นเต้นตลอดเวลาในการเดินอยู่บนธารน้ำแข็งที่ยังคงเหลืออยู่ในกรีนแลนด์ และแอนตาร์กติกาเท่านั้น ระหว่างเส้นทาง Off Road ผ่านทุ่งหญ้าทุนดร้า ท่านอาจจะได้พบกับ Musk ox ดาราดังของที่นี่ และเรนเดียร์ที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ รวมทั้งนกสายพันธุ์ต่างๆ (อาหารกลางวันจัดเป็นอาหารแบบปิกนิก หรือ ร้านอาหารก่อนออกเดินทาง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศในแต่ละวัน ก่อนเริ่มออกทัวร์กิจกรรม)
เย็น        รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักโรงแรม Old Camp ( แคมป์ที่พักมีให้บริการไม่กี่แห่ง และมีข้อจำกัดในเรื่องความหรูหราและการใช้ห้องน้ำร่วมกัน)

 

7 ก.ย. 61///วันที่สี่ของการเดินทาง///ICE CAP POINT 660
เช้า         รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
รถ 4WD รอรับท่านแล้วตะลุยผ่านทุ่งหญ้า ทะเลสาบ ภูเขาน้ำแข็ง ทะเลทรายในหุบเขา ซึ่งเป็นภูมิประเทศที่งดงามหาที่เปรียบไม่ได้ในโลกใบนี้ ระยะทางกว่า 40 ก.ม. จนถึง ICE CAP POINT 660 คือชั้นน้ำแข็งที่ปกคลุมพื้นโลก (แถบขั้วโลกเหนือและใต้) อีกหนึ่งประสบการณ์อันน่าจดจำที่คุณจะได้อยู่บนแผ่นน้ำแข็งที่ปกคลุมทั้งประเทศคิดเป็น 10% ของโลก ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากแอนตาร์กติกา
(อาหารกลางวันจัดเป็นอาหารแบบปิกนิก หรือ ร้านอาหารก่อนออกเดินทาง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศในแต่ละวัน ก่อนเริ่มออกทัวร์กิจกรรม)
เย็น        รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักโรงแรม Old Camp ( แคมป์ที่พักมีให้บริการไม่กี่แห่ง และมีข้อจำกัดในเรื่องความหรูหราและการใช้ห้องน้ำร่วมกัน)
8 ก.ย. 61///วันที่ห้าของการเดินทาง///คังเกอร์ลุสซวก-อิลลูลิทแซท – Hiking “The World Heritage Trail”
เช้า
         รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
12.55     ออกเดินทางโดยสายการบิน Air Greenland โดยเที่ยวบินที่ GL500 สู่เมืองอิลูลิสแซท (ILULISSAT) บิน 40 นาที
13.35
     ถึงเมืองอิลูลิสแซท เมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของกรีนแลนด์ที่มีมรดกโลกทางธรรมชาติ Ilulissat Icefjord ความยาวราว 70 กิโลเมตร หรือที่เรียกกันในภาษาท้องถิ่นว่า Kangia จะเต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งและภูเขาน้ำแข็ง (Iceberg) อันมีที่มาจากธารน้ำแข็งเซอร์เมก คูยาลเลก (Sermeq Kujalleq) ทางด้านทิศตะวันออก ไหลลงสู่ท้องทะเลและมาออกทะเลเปิดบริเวณอ่าวดิสโก (Disko Bay) มีแผ่นน้ำแข็งลอยน้ำขนาดใหญ่โตมากมายกระจัดกระจายอยู่ตามผืนน้ำ รวมพื้นที่ทั้งหมดของแหล่งมรดกโลกแห่งนี้ราว 4,000 ตารางกิโลเมตร
14.00    
นำคณะ Hiking “The World Heritage Trail” เข้าสู่บริเวณฟยอร์ดน้ำแข็ง (Ice Fjord) Ilulissat Icefjord แห่งนี้ไม่มีถนนที่จะเข้าถึงได้ การจะเข้าการเดินเข้าไปบนเส้นทางเดิน (Track Bridge) ทางเดินเป็นสะพานไม้เดินแบบสบายๆ ไปจนสุดเชิงเขา บริเวณนี้คือ Sermermiut แหล่งที่ขุดค้นหลักฐานทางโบราณคดีอายุกว่า 4,000 ปี คือถิ่นฐานของมนุษย์ยุคหินที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะกรีนแลนด์ สุดปลายแหลมนี้คือจุดชมทิวทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ของฟยอร์ดน้ำแข็งอิลูลิสแซต ซึ่งมีแนวภูเขาน้ำแข็งตั้งตระหง่านทอดยาวคู่ขนานกับชายฝั่งด้านใต้ ภาพประติมากรรมอันน่าทึ่งของภูผาน้ำแข็งที่ขาวโพลน มีเวิ้งน้ำที่เปิดเป็นเส้นทางให้เรือไม้สีแดงแล่นเข้ามาในฟยอร์ด เป็นภาพแนวพานอรามาไกลสุดสายตา ที่มีฉากของธารน้ำแข็งเซอร์เมก คูยาลเลก และธารน้ำแข็งอื่นอีก 2-3 แห่ง นำพาแผ่นน้ำแข็งจำนวนมากมายมหาศาลลงมายังฟยอร์ดแห่งนี้ เดินไปถ่ายภาพไปจนถึงทางแยกที่เส้นทางสายสีแดงมาบรรจบ เราก็วกลงเขาบนทางที่เป็นธรรมชาติ เราสามารถทำเวลาขาลงได้ภายใน 1 ชั่วโมง ก็ไปถึง
(อาหารกลางวันจัดเป็นอาหารแบบปิกนิก หรือ ร้านอาหารก่อนออกเดินทาง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศในแต่ละวัน ก่อนเริ่มออกทัวร์กิจกรรม)
ค่ำ
         
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่
Icefiord Apartments (ที่พักมีให้บริการไม่กี่แห่ง และมีข้อจำกัดในเรื่องความหรูหราแต่สะอาดมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบรวมถึงทุกห้องมีห้องน้ำในตัว)

9 ก.ย. 61///วันที่หกของการเดินทาง///อิลลูลิทแซท – ล่องเรือชมภูเขาน้ำแข็ง (ICE BERG) – Ilulissat City Walk
เช้า
         รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
10.00     ล่องเรือชมภูเขาน้ำแข็ง กิจกรรมอันเป็นที่สุดของการท่องเที่ยวกรีนแลนด์ Ice berg คือชื่อเรียกของก้อนน้ำแข็งที่แตกออกมาจาก Glacier บางก้อนที่เห็นด้วยสายตาเป็นภูเขายาวกว่า 100 เมตร ลักษณะพิเศษของมันคือจะลอยอยู่ตามน้ำและมีแค่ 10% เท่านั้นที่โผล่เหนือน้ำขึ้นมาให้เห็น นอกนั้นจะจมอยู่ใต้ทะเล ให้ท่านได้จินตนาการถึงความใหญ่โตมหึมา Icebergs มากมายที่พบเห็นอยู่ทั่วไปแทบตลอดแนวชายฝั่ง เป็นสิ่งที่หาพบได้ยากยิ่งในที่อื่น ๆ บนโลกเรา ในอ่าว Diskobay โดยปกติจะมีวาฬอาศัยอยู่ถึง 15 สายพันธุ์ ในช่วงฤดูหนาวจะมี 3 สายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในอ่าวนี้ Narwhals Whale / Beluga Whale / Bow-Head Whale อาศัยอยู่ แต่ในปัจจุบันไม่ค่อยได้พบเห็น Blue Whale / Keller Whale และในช่วงฤดูร้อนจะมี Minke whale / Fin whale and Humpback whale มาอวดโฉมรอต้อนรับนักท่องเที่ยว
เที่ยง
     
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
14.00    
การเดินเที่ยวชมเมืองเป็นเสน่ห์อีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจในเมืองอิลลูลิทแซท เมืองนี้มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ประชากรราว 4,500 คน ตั้งอยู่ในเขตเหนือเส้นอาร์คติกถึง 300 ก.ม. ในฤดูหนาวจะมีแสงสว่างเพียงระยะสั้น ท่านสามารถชมแสงเหนือ  AURORA BOREALIS ได้ตั้งแต่ 1 กันยายน – 31 พฤษภาคม และในฤดูร้อนท่านสามารถชมปรากฏพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ในระหว่าง 1 มิถุนายน  – 31 สิงหาคม เมืองนี้มีการค้นพบในปี 1741 ชื่อเรียกเดิมว่า ยาคอบฮาฟ์น เรื่องราวในประวัติศาสตร์ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเมืองขึ้นของเดนมาร์ก รวมไปถึงวัฒนธรรมของชาวกรีนแลนด์ดิก ล้วนทำให้เมืองมีเสน่ห์มากขึ้นชวนให้หลงใหล ท่าจอดเรือของชาวประมงกว่า 100 ลำ และอุตสาหกรรมการประมงอันทันสมัย ทั้งเป็นแหล่งอาหารและการส่งออก แล้วเดินต่อไปชมโบสถ์ Zion ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในกรีนแลนด์ยุคนั้น ถัดไปเป็นพิพิธภัณฑ์เมืองอิลูลิสแซต ซึ่งจัดแสดงเรื่องราวของแหล่งก่อนประวัติศาสตร์ Sermermiut อันเป็นถิ่นฐานของมนุษย์ยุคหิน และเรื่องราวของชนพื้นเมืองคือ อินูอิต (Enuit) หรือเอสกิโม (Eskimo) วิถีชีวิต วัฒนธรรม และเส้นทางการค้าของพวกเขากับชาวยุโรป รวมถึงเรื่องราวของนักสำรวจขั้วโลกเหนือที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Knud Rasmussen นักสำรวจขั้วโลกเหนือผู้ยิ่งใหญ่
ค่ำ
          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่
Icefiord Apartments  (ที่พักมีให้บริการไม่กี่แห่ง และมีข้อจำกัดในเรื่องความหรูหราแต่สะอาดมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบรวมถึงทุกห้องมีห้องน้ำในตัว)
10 ก.ย. 61///วันที่เจ็ดของการเดินทาง///อิควิป เซอร์เมีย (ต้นกำเนิดกลาเซียร์)
เช้า         รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
08.00    
นำท่านนั่งเรือขึ้นไปทางเหนือของเมืองอิลลูลิทแซทประมาณ 70 กิโลเมตร เป็นเมืองปากอ่าวธารน้ำแข็งอิควิป เซอร์เมีย (Eqip Sermia) หรือรู้จักกันในชื่อ “Eqi” กล่าวได้ว่าเป็นธารน้ำแข็งเก่าแก่อายุหลายหมื่นปี ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพียงแห่งเดียวที่มนุษย์สามารถเข้าไปชมได้อย่างใกล้ชิดที่สุด จัดเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2004 เป็นมรดกทางธรรมชาติของโลกที่น่าตื่นตาตื่นใจซึ่งก้อนน้ำแข็งจำนวนมหาศาลไหลลงทะเลทาง Ilulissat Icefjord (อิลลูลิทแซท ไอซ์ฟยอร์ด) ถือได้ว่าเป็นที่สุดของธารน้ำแข็งทางฝั่งตะวันตกของกรีนแลนด์   เป็นปากทางสู่ทะเลของธารน้ำแข็ง Sermeq Kujalleq ซึ่งเป็นหนึ่งใน ธารน้ำแข็งที่ไหลเร็วที่สุดในโลก 19 เมตรต่อวัน และนอกจากนั้นมันก็ยังมีการเคลื่อนตัวมากที่สุดในโลกด้วยธารน้ำแข็งแห่งนี้ทำให้เกิดน้ำแข็งเกิดการแตกตัวถึง 35 ลูกบาศก์กิโลเมตรต่อปี หรือ 10% ของน้ำแข็งในกรีนแลนด์ทั้งหมดและมากกว่าธารน้ำแข็ง อื่นๆ รอบแอนตาร์กติกา เสียงการแตกตัวของน้ำแข็งเปรียบเสมือนเสียงระเบิดดังกึกก้อง เคลื่อนตัวเบียดเสียดกลายเป็นก้อนน้ำแข็งน้อยใหญ่ลอยล่องอยู่กลางทะเล เชื่อกันว่าก้อนน้ำแข็งมหึมาที่เรือไททานิกชนจนอัปปางก็มีแหล่งกำเนิดมาจากที่นี่ เดินไปฟังเสียงน้ำแข็งไหลบดกัน นั่งชมก้อนน้ำแข็งไหลลงทะเล
13.00    
รับประทานอาหารกลางวันบนเรือ
บ่ายเรือลำเดิมจะนำเรากลับไปส่งที่อิลลูลิทแซท ล่องเรือเลาะไปตามก้อนน้ำแข็งน้อยใหญ่ซึ่งเราได้ไปพบจุดกำเนิดของมันมาแล้ว
17.20     ออกเดินทางสู่เมืองนุกโดยสายการบิน Air Greenland โดยเที่ยวบินที่ GL593 (ใช้เวลาในการบิน1.25 ชม)
18.45    
เดินทางถึงเมืองนุก คณะถึงเมืองนุก เมืองหลวงของประเทศมีประชากรอยู่อาศัย 17,000 คนเมืองรองลงมาคือ Sisimiut (5,460 คน) Ilulissat (4,546 คน) Qaqortoq (3,306 คน) Aasiaat (3,005 คน) โดยแต่ละเมืองตั้งอยู่ตามขอบของเกาะซึ่งมีภูมิอากาศที่อบอุ่นกว่า เมืองนี้มีความเจริญเทียบเท่าเมืองในยุโรป มีมหาวิทยาลัยกรีนแลนด์, พิพิธภัณฑ์ศิลปะ, สนามกีฬาทั้งในกลางแจ้งและในร่ม, ศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรม หอสมุดแห่งชาติกรีนแลนด์ และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ, ห้างสรรพสินค้าอันทันสมัย และยังเป็นที่ตั้งของรัฐสภา และที่ทำการของรัฐบาลอีกด้วย
ค่ำ
          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่ Vandrehuset (ที่พักมีให้บริการไม่กี่แห่ง และมีข้อจำกัดในเรื่องความหรูหราแต่สะอาดมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบรวมถึงทุกห้องมีห้องน้ำในตัว)

 

11 ก.ย. 61///วันที่แปดของการเดินทาง///นุก – ล่องฟยอร์ดน้ำแข็ง – ธารน้ำแข็ง
เช้า         รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
จากนั้นนำคณะล่องเรือ Targa (12 ที่นั่ง) สู่ Kangersuneq/Icefiord ภูมิทัศน์อันงดงามของผืนแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ที่เป็นทั้งภูเขาสูง และการเคลื่อนตัวของธารน้ำแข็งที่ยิ่งใหญ่ก่อให้เกิดฟยอร์ดตามแนวชายฝั่งทะเล ภูเขาน้ำแข็งก้อนมหึมาลอยออกมาสู่ทะเลเปิด เรือค่อย ๆ เลียบฟยอร์ดผ่านเข้าสู่ช่องแคบ Qoornoq ให้ท่านได้ตื่นตาตื่นใจกับวิวทิวทัศน์อันงดงามตระการตาของธารน้ำแข็ง Narsap Sermia gletcher เรือใช้เวลาประมาณ 2 ช.ม. เข้าสู่บริเวณที่ตั้งของ Glacier/Qoornoq Fjord (ฟยอร์ด) ประดุจหนึ่งท่านเป็นนักสำรวจที่ได้มาสัมผัสความยิ่งใหญ่ของท้องทะเลอาร์กติก ดินแดนขั้วโลกเหนือ ท่านอาจะได้พบเห็นฝูงวาฬ ซึ่งมีแหล่งอาศัยอยู่รอบๆ กรีนแลนด์
(อาหารกลางวันจัดเป็นอาหารแบบปิกนิก หรือ ร้านอาหารก่อนออกเดินทาง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศในแต่ละวัน ก่อนเริ่มออกทัวร์กิจกรรม)
เย็น
        รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่
Vandrehuset (ที่พักมีให้บริการไม่กี่แห่ง และมีข้อจำกัดในเรื่องความหรูหราแต่สะอาดมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบรวมถึงทุกห้องมีห้องน้ำในตัว)
12 ก.ย. 61///วันที่เก้าของการเดินทาง///นุก- เรคยาวิก
เช้า         รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
ชมเมืองหลวงโดย ไปชมย่าน Old Colonial Harbour ซึ่งรอบๆ มีบ้านเรือนแบบดั้งเดิมตั้งแต่ยุค 50S-70S รวมทั้งโบสถ์ รูปปั้น Mother of the Sea ที่ย้ำเตือนถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติ เข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติกรีนแลนด์ ที่บอกเล่าเรื่องราวได้ดีที่สุด มีหลักฐานของคนกลุ่มแรก (Indigenous people) อาศัยอยู่ที่นี่เมื่อ 4,500 ปีมาแล้ว ก่อนที่พวกไวกิ้งและสแกนดิเนเวียนจะเริ่มเข้ามาเพื่อล่าอาณานิคม การเปลี่ยนแปลงรูปแบบของสังคม วิถีชีวิต การนับถือศาสนาของคนพื้นเมืองเดิม ที่จัดแสดงไว้อย่างน่าชม ผ่านไปชมอาคารบ้านเรือน บ้านไม้หลังเล็ก ๆ สีสันฉูดฉาด ทั้งแดง เขียว เหลือง ม่วง ชมพู เป็นเสน่ห์ของกรีนแลนด์
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
15.15    ออกเดินทางสู่ เรคยาวิก โดยสายการบิน Air Iceland Connect เที่ยวบินที่  NY408  (ใช้เวลาในการบิน 3.20 ช.ม.)
ค่ำ
          รับประทานอาหารค่ำบนเครื่องบิน
20.35     เดินทางถึงสนามบิน เรคยาวิก   จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก
พักที่เรคยาวิก  Icelandair Hotel Reykjavik Natura  หรือเทียบเท่าระดับ4ดาว
13 ก.ย. 61///วันที่สิบของการเดินทาง///เรคยาวิก
เช้า
         รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ น้ำตกกูลฟอสส์ GULLFOSS น้ำตกที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดในไอซ์แลนด์ และอาจจะกล่าวได้ว่าสวยงามกว่าน้ำตกไนแองการ่าอีกด้วย ถือว่าเป็นน้ำตกมีชื่อแห่งหนึ่งในจำนวนสถานที่  ท่องเที่ยวๆ หลายแห่งของประเทศนี้ และยังจัดว่าเป็นหนึ่งใน 3 ที่ไอซ์แลนด์จัดให้อยู่ใน “วงกลมทองคำ” (Golden Circle) ที่เมื่อผู้มาเยือนไอซ์แลนด์ต้องไม่พลาดที่จะมาท่องเที่ยวชื่อน้ำตกแห่ง Gullfoss มีความหมายว่า น้ำตก  ทองคำ เนื่องจากเมื่อละอองน้ำปะทะกับแสงแดดแล้วจะสะท้อนแวววาวออกมาเป็นสีทองอร่าม และปรากฏเป็นรุ้งกินน้ำให้พบเห็นแก่ผู้มาท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นภาพที่อลังการสวยงามสมคำเล่าลือ จากนั้นนำท่านชม น้ำพุร้อนเกย์ซีร์ (GEYSIR) น้ำพุร้อนที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ มีความร้อนประมาณ 400 องศาเซลเซียส พุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน ในอดีตน้ำพุร้อน สามารถพุ่งได้สูงถึง 200 ฟุตทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ในปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว แต่ก็ยังสามารถพุ่งได้มากสุดที่ประมาณ 60 – 100 ฟุต ทุกๆ 5 นาที นับเป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งที่ท่านไม่ควรพลาดชมเช่นเดียวกัน
เที่ยง
     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่าน ถ่ายภาพความงามของโบสถ์ประจำเมือง โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrímskirkja) เป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ที่สูงที่สุดในไอซ์แลนด์ ตัวโบสถ์มีความสูงถึง 74.5 เมตร สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมแนวอิมพราสชั่นนิส เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี1945 แล้วเสร็จปี ค.ศ.1986 บริเวณด้านหน้าของโบสถ์ยังมีอนุสาวรีย์ของเลฟร์ อีริกสัน (Leifr Eiriksson) ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ซึ่งในประวัติศาสตร์ไอซ์แลนด์ถือว่าวาเลฟร์ เป็นชาวนอสร์ ชาติยุโรปคนแรกที่ไปเหยียบดินแดนแถบอเมริกาเหนือซึ่งรวมถึงกรีนแลนด์ด้วย โดยอนุสาวรีย์นี้สหรัฐอเมริกามอบให้แก่ไอซ์แลนด์เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 1,000 ปี รัฐสภาของไอซ์แลนด์ นำท่านไปชมสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งคือ Hofdi House บ้านที่มีเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของชาติอันน่าสนใจ เคยใช้เป็นที่รับรองและจัดเลี้ยง ผู้นำ 2 ประเทศมหาอำนาจผู้ยิ่งใหญ่ในการยุติสงครามเย็นผ่านชมรัฐสภาของชาวไอซ์แลนด์ และศาลาเทศบาลเมือง จนได้เวลาอันสมควร
จากนั้นนำท่าน ชมเพอร์แลน (PERLAN) สถานที่ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และเป็นสัญลักษณ์ของ เมืองเรคยาวิก เนื่องจากตั้งอยู่บนเนินเขา มีความสูงเท่ากับอาคาร 5 ชั้น จากพื้นดิน 25.7 เมตร เป็นอาคารขนาดใหญ่ ด้านบนเป็นรูปทรงคล้ายลูกโลกครึ่งวง ตั้งอยู่บนฐานที่คล้ายถังน้ำขนาดใหญ่ 4 ฐาน ที่มองเห็นได้ ในระยะไกลโดดเด่น Perlan ในภาษาไอซ์แลนด์ ตรงกับภาษาอังกฤษว่า The Pearl ที่แปลว่า อ่าว ซึ่งการสร้างสถานที่แห่งนี้จะให้หมายถึงว่าเป็นสัญลักษณ์ของอ่าวเรคจาวิก
เย็น        รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่เรคยาวิก  Icelandair Hotel Reykjavik Natura  หรือเทียบเท่าระดับ4ดาว


14 ก.ย. 61///วันที่สิบเอ็ดของการเดินทาง///เรคยาวิก-หมู่เกาะแฟโร
เช้า
         รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม จนได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
09.20     ออกเดินทางสู่สนามบินแฟโร โดยสายการบิน Air Iceland โดยเที่ยวบิน402
11.40     เดินทางถึงสนามบินแฟโร (Faero Island Airport) ประเทศเดนมาร์ก

เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเที่ยวชมหมู่เกาะแฟโร (Faroe Island) เป็นประเทศในกลุ่มเกาะจำนวน 18 เกาะ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติกระหว่างสกอตแลนด์ นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ หมู่เกาะแฟโรเป็นเขตการปกครองตนเองของเดนมาร์ก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 โดยมีสถานภาพเหมือนกับกรีนแลนด์ มีอำนาจในการปกครองตนเองทุกด้าน ยกเว้นด้านการต่างประเทศและการทหาร หมู่เกาะแฟโร มีความหมายว่า “เกาะแห่งแกะ” มีภาษาของตัวเองคือ “ภาษาแฟโร” แต่ภาษาราชการจะใช้เดนมาร์กควบด้วย มีสกุลเงินเป็นของตัวเองคือ “โครนาแฟโร” และมีเมืองหลวงคือเมือง “ทอร์สเฮาน์” มีระบอบกษัตริย์ และมีนายกรัฐมนตรีบริหารกิจการบ้านเมือง นำท่านถ่ายรูปกับน้ำตกมูลาฟอสเซอร์ (Mulafossur waterfall) ซึ่งเป็นน้ำตกที่เปรียบเสมือนซิกเนเจอร์ของหมู่เกาะแฟโร เพราะเป็นน้ำตกที่ปรากฏในภาพโปสการ์ดมากมาย ให้ท่านได้ชื่นชมธรรมชาติและความสวยงามของน้ำตกซึ่งมีฉากหลังเป็นภูเขาสวยแห่งเกาะแฟโร อิสระให้ท่านได้เก็บภาพตามอัธยาศัย ได้เวลานำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านบูเออร์ (Bour Village) ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนเนินเขาหินเลียบฝั่งทะเล นับเป็นหมู่บ้านที่สวยงามและมีทัศนียภาพของธรรมชาติที่ปรากฏให้เห็นในโปสการ์ดและหนังสือท่องเที่ยวมากมาย เป็นหมู่บ้านี่ตั้งอยู่ในซอร์แวงฟยอร์ด (Sorvagsfjord) เรียกได้ว่าเป็นฟยอร์ดที่มีความสวยงามทางธรรมชาติมากที่สุดอีกแห่งของเกาะแฟโร นำท่านเที่ยวชมและเก็บภาพธรรมชาติพิสุทธิ์แห่งหมู่เกาะแฟโร อีกหนึ่งที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดต่อการมาเยือน
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่ Torshavn โรงแรม Hotel Streym หรือเทียบเท่าระดับ 3 ดาว (โรงแรมที่เกาะนี้มีจำนวนน้อยและหาห้องพักยากในช่วงฤดูร้อน)

15 ก.ย. 61///วันที่สิบสองของการเดินทาง///ล่องเรือชมผารังนกแห่งเกาะแฟโร-เคิร์กจูบูเออร์-ทอร์สเฮาน์

เช้า         รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
นำท่านเดินสัมผัสประสบการณ์การล่องเรือสู่ผารังนก (Towering Cliffs) ซึ่งเป็นผาสูงตระหง่านอันเป็นที่อยู่ของนกแถบโซนอาร์คติก ไม่ว่าจะเป็นนกพัพฟิน (puffins) ที่อาศัยอยู่ตามชะง่อนผา และ นกอาร์คติดเทิร์น และอีกนานาชนิด อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของผาหิน และ นกนานาพันธุ์ หากโชคดีท่านอาจได้พบเห็น ปลาโลมา หรือ ปลาวาฬที่อาจมาเล่นน้ำในบริเวณนี้ ได้เวลานำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านไคว์วิค (Kvivik Village) ซึ่งเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่เก่าแก่ที่สุดบนหมู่เกาะแฟโร และยังคงมีหลักฐานทางโบราณคดีที่แสดงให้เห็นว่าชาวไวกิ้งได้มีการเดินทางและตั้งรกรากถื่นฐานที่หมู่บ้านแห่งนี้เมื่อประมาณศตวรรษที่ 18 เห็นได้จากบ้านเรือนของชาวไวกิ้งโบราณที่ยังคงหลงเหลืออยู่ นำท่านเที่ยวชมเมืองเล็กๆที่แสนน่ารักแห่งหมู่เกาะแฟโร พร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์และชื่นชมธรรมชาติแห่งหมู่เกาะแอตแลนติกเหนือ อิสระให้ท่านได้เก็บภาพบรรยากาศและความสวยงามของธรรมชาติและหมู่บ้านโบราณริมฝั่งทะเล

เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่เมืองเคิร์กจูบูเออร์ (Kirkjubour) หมู่บ้านเล็กๆทางตอนใต้ของเกาะแฟโร เป็นหมู่บ้านที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของโบสถ์หินโบราณแมกนาส (Magnus Cathedral) จากศตวรรษที่ 13 ย้อนไปตั้งแต่สมับยุคไวกิ้ง และมีบ้านไม้ที่อายุเก่าแก่ที่สุดซึ่งสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 นำท่านเข้าชมความงดงามของโบสถ์หินโบราณที่ยังคงอนุรักษ์ไว้จนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งดื่มด่ำกับทัศนียภาพของบ้านไม้โบราณที่นิยมปลูกหญ้าบนหลังคา เลียบฝั่งมหาสมุทร นับเป็นอีกหนึ่งทัศนียภาพที่สวยงามแห่งเกาะแฟโร อิสระให้ท่านเก็บภาพความสวยงามของธรรมชาติตามอัธยาศัย ได้เวลานำท่านเดินสู่เมืองทอร์สเฮาน์ (Torshavn) ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของหมู่เกาะแฟโร ดินแดนของประเทศเดนมาร์ก ตั้งอยู่ทางตอนใต้และเป็นส่วนหนึ่งของชายฝั่งทิศตะวันตกของเมืองสเตรอเมอ นำท่านเที่ยวชมเมืองและเดินเล่นพร้อมเก็บภาพบรรยากาศของเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ในฟยอร์ดอันสวยงาม จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับบ้านหลังคาหญ้า (Tiganes) ซึ่งมีการปลูกหญ้าบนหลังคาบ้านนับเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของเมืองทอร์สเฮาน์ อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของเมืองหลวงทอร์สเฮาน์
ค่ำ
          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่ Torshavn โรงแรม Hotel Streym หรือเทียบเท่าระดับ 3 ดาว (โรงแรมที่เกาะนี้มีจำนวนน้อยและหาห้องพักยากในช่วงฤดูร้อน)


16 ก.ย. 61///วันที่สิบสามของการเดินทาง///หมู่เกาะแฟโร-กรุงโคเปนเฮเก้น
เช้า
         รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
08.20     ออกเดินทางสู่ โคเปนเฮเก้น โดยสายการบิน Atlantic Airways เที่ยวบินที่ 450 (ใช้เวลาบิน 2.05 ชม.)
11.25
     เดินทางถึงสนามบิน โคเปนเฮเก้น พักเปลี่ยนเครื่องเช็คอินใหม่
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในสนามบิน
15.15
     ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK152  (ใช้เวลาในการบิน 6.20 ช.ม.)
23.55    
เดินทางถึงสนามบินดูไบ พักเปลี่ยนเครื่องเป็นเวลา 2.55 ชม.
17 ก.ย. 61///วันที่สิบสี่ของการเดินทาง///ดูไบ-กรุงเทพฯ
02.50     ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK152(ใช้เวลาในการบิน 6.40 ช.ม.)
12.30
     เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพและประทับใจยิ่ง
………………………………………………………………………………………………………………
อัตราค่าบริการ
ผู้ใหญ่พักห้องคู่หรือเด็ก 1 ท่านพักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน  259,000.-
ในกรณีต้องการพักห้องเดี่ยวชำระเพิ่ม   49,000.-
เด็กต่ำกว่า 12 ปี (เสริมเตียง-พักกับผู้ใหญ่อีก 2 ท่าน) 259,000.-