โคลัมเบีย-แม่น้ำ 5 สี-ปานามา-คิวบา 18 วัน
23 พ.ย.- 10 ธ.ค. ราคา 309,000

วันแรกของการเดินทาง///กรุงเทพ-อัมสเตอร์ดัม
09.00     คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เชคอินสายการบินเค แอล เอ็ม รอยัลดัชช์ แอร์ไลน์แถว P 1-15 ประตูทางเข้าที่ 7-8 อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
12.05     ออกเดินทางสู่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์โดยสายการบินเค แอล เอ็ม รอยัล ดัชช์ แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน KL876  (ใช้เวลาบินประมาณ 11.40 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์และจอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง ทั้งนี้สายการบินฯ มีบริการ อาหารกลางวัน และอาหารเย็น บนเครื่องบิน
18.45     เดินทางถึงสนามบินสคิปโพลล์ (AMS) กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ (แนะนำ ให้ท่านเตรียมกระเป๋าเล็ก สำหรับพักค้างคืน 1 คืน ที่อัมสเตอร์ดัม ก่อนขึ้นเครื่องในวันรุ่งขึ้น สำหรับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่จะทำการ Check through ไปยังสนามบินปลายทาง)
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม นำท่านเข้าสู่โรงแรมภายในสนามบิน
พักที่สนามบินโรงแรม Mercure Hotel Schiphol Terminal หรือเทียบเท่า
วันที่สองของการเดินทาง///อัมเตอร์ดัม-โบโกต้า
เช้า
      รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

09.30     ออกเดินทางสู่โบโกต้า ประเทศโคลัมเบีย โดยสายการบิน KLM เที่ยวบินที่ KL741
(ใช้เวลาบิน1.35 ชม)
14.25     เดินทางถึงสนามบินโบโกต้า  นำท่านขึ้นเคเบิ้ลคาร์สู่ยอดเขามองเซอร์รัต (Monserrate) เป็นเทือกเขาแนวยาวโอบล้อมกรุงโบโกต้า บนยอดเขายังเป็นที่ตั้งของโบสถ์เก่าแก่อีกด้วย นำท่านเข้าชมโบสถ์แห่งยอดเขามองเซอร์รัต จากนั้นอิสระให้ท่านได้เก็บภาพกรุงโบโกต้า เมืองหลวงของประเทศโคลอมเบียจากมุมสูง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในการชมวิวเมืองโบโกต้า
ค่ำ       รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม
พักที่โรงแรมโบโกต้า Aloft Bogota Airport หรือเทียบเท่าระดับ4ดาว
วันที่สามของการเดินทาง /// โบโกตา-เนว่า-ซาน อะกุสติน

เช้า         รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่สนามบินเพื่อไปยัง เมืองเนว่า (Neiva)

06.15     โดยสายการบิน Avianca เที่ยวบินที่ AV9291(ใช้เวลาบิน1.08ชม.)
07.23     เดินทางถึงเมืองเมืองเนว่า หลังจากที่ไปถึง เมืองเนว่า เป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดที่เคยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในอดีตทางด้านการค้า การติดต่อสื่อสาร อยู่ทางตอนใต้ของประเทศโคลัมเบีย เดินทางต่อด้วยรถโค้ชเพื่อไปยัง ซาน อะกุสติน (San Agustin) สถานที่ที่ตั้งอยู่บนหุบเขาแอนเดรียน และทัศนียภาพสองฝั่งของแม่น้ำแมกดาเลนา (Magdalena River) หรือชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า แม่น้ำยูมา แม่น้ำมักดาเลนามีต้นกำเนิดจากบริเวณเทือกเขาแอนดีสในประเทศโคลัมเบีย มีความยาวประมาณ 1,600 กิโลเมตร เป็นแม่น้ำสายสำคัญของประเทศโคลัมเบีย ไหลลงสู่ทะเลแคริบเบียนบริเวณภาคเหนือของโคลัมเบีย ท่านจะได้สัมผัสทัศนียภาพความงดงามของแม่น้ำสายนี้ตลอดเส้นทางการเดินทาง (ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง)
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เดินทางถึง ซาน อะกุสติน (San Agustin) หรือ Park of the Stone Gods เมืองเล็กๆห่างออกไปทางตอนใต้ของประเทศโคลัมเบีย มีชื่อเสียงว่าเป็นหนึ่งในแหล่งโบราณคดีที่สำคัญที่สุดในโคลัมเบียมีการค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์และซากโบราณคดีที่สำคัญๆของทวีปอเมริกาใต้ที่เมืองนี้ที่นี่ท่านจะพบกับหินแกะสลักขนาดใหญ่มากมาย  จากนั้นเยี่ยมชม อุทยานโบราณคดี ซาน อะกุส สติน (San Agustin Archaeological Park) อยู่ที่ความสูง 1,730 เมตร จากระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ในเขตอวยล่า (Huila) เป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวในโลกที่มีการแกะหินรูปคนผสมสัตว์ตามตำนานของชาวแอนเดียนท้องถิ่นมีมากกว่า 500 รูปผลงานเหล่านี้ได้แสดงความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการทางวัฒนธรรมของทางภาคเหนือของแอนเดียนที่เจริญรุ่งเรืองในยุคศตวรรษที่ 1 จนกระทั่งศตวรรษที่ 8 มันถุกสร้างขึ้นเพื่อประกอบพิธีฝังศพ และประดับหน้าสุสานราวกับผู้อารักขา กับความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณ และชีวิตหลังความตายในบิรเวณอุทยานท่านจะได้พบกับสวนป่ารูปแกะสลักหิน ที่เรียกว่า “The Bosque de las Estatuas หรือForest of Statues” มีรูปปั้นหินจำนวนกว่า 39 รูปยืนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและ “The Four Mesitas หรือ Small Man-Made Hills” สุสานที่มีหลุมฝังศพและรุปปั้นหินตั้งอยู่เรียงรายบนที่ราบสลับเนินเทียมที่สร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ ชมซากวัตถุโบราณแท่นบูชาประกอบพิธีกรรมของชาวพื้นเมืองในอดีต รูปหินแกะสลักที่มีลวดลายเอกลักษณ์แตกต่างกันไปมากกว่า 500 ชิ้น สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติของต้นไม้เขียวขจีท่ามกลางทัศนียภาพของป่าเขาที่ล้อมรอบอุทยาน ชมลานน้ำพุ (La Fuente de Lavapatas) ลานหินขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายใต้หลังคาสีเขียว เป็นงานแกะสลักหินที่สมบรูณ์แบบที่สุดของวัฒนธรรมอะกุสติน มีทุกอย่างรวมกันไม่ว่าจะเป็น น้ำพุ คลองส่งน้ำ และบ่อน้ำ จากการแกะสลักและกะเทาะหินให้เป็นรุปร่างที่ต้องการ ถ้าสังเกตให้ดีจะสังเกตเห็นงานแกะสลักบนลานหินนี้เป็น 9 รูป คือ งู,กิ้งก่า,จิ้งจก,ซาลาแมนเดอร์,จิ้งเหลน,กิ้งก่าเปลี่ยนสี,คางคก,เต่า และใบหน้าคน นอกจากนี้ยังถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับประกอบพิธีทางศาสนา จากนั้นเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงอารายธรรมโบราณ ภายในมีรูปแกะสลักหินบางส่วนรวมถึงข้าวของเครื่องใช้ ในอดีต และของใช้มีค่า ที่บางส่วนได้ถูกนำไปเก็บไว้ในเมืองโบโกตา อุทยานโบราณคดีในเมืองซาน อะกุสติน ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1995 และเป็นสุสานชาวอเมริกันในพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในโคลัมเบีย
ค่ำ       รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม
นำท่านเข้าพักที่โรงแรม Monasterio San Agustín หรือเทียบเท่าระดับ4ดาว
วันที่สี่ของการเดินทาง ///ซาน อะกุสติน-เนว่า- วิญญ่าวิเซนซิโอ
เช้า     รับประทานอาหารเช้า  ณ  ห้องอาหารภายในโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับไปยังเมืองเมืองเนว่า(ใช้เวลาเดินทาง4ชั่วโมง)เพื่อเดินทางต่อไปยังสนามบิน
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในสนามบิน
12.55     เดินทางกลับสู่ โบโกต้า (Bogota) โดยสายการบิน Avianca เที่ยวบินที่ AV9274(ใช้เวลาบิน1.10ชม.)
14.05     ถึงสนามบิน โบโกต้า (Bogota) พักเปลี่ยนเครื่องเป็นเวลา 1.45 ชม.
15.50     ออกเดินทางสู่เมือง วิญญ่าวิเซนซิโอ โดยสายการบิน Avianca เที่ยวบินที่ AV 9408 (ใช้เวลาบิน1.10ชม.)
17.00   เดินทางถึง  วิญญ่าวิเซนซิโอ จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก
ค่ำ       รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม
พักที่วิญญ่าวิเซนซิโอโรงแรม GHL Hotel Grand Villavicencio หรือเทียบเท่าระดับ4ดาว
วันที่ห้าของการเดินทาง ///  วิญญ่าวิเซนซิโอ-ลา มาการีนา-อุทยานคาโญ่ คริสตาเลส (แม่น้ำ 5 สี )
วิญญ่าวิเซนซิโอ
เช้า         รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
จากนั้นนำท่านสู่สนามบินวิญญ่าวิเซนซิโอ เพื่อขึ้นเครื่องบินเช่าเหมาลำ
07.00     สู่เมือง ลามาการีน่า เดินทางถึงเมือง ลา มาการีนา (La Macarena) จากนั้นนำท่านเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติ คาโญ่ คริสตาเลส (Cano Cristales) เพื่อเดินทางเข้าไปสัมผัสความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของแม่น้ำ 5 สี “The River of the Five Colors” ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นแม่น้ำที่สวยที่สุดในโลก หรืที่รู้จักในชื่อ “แม่น้ำคาโญ่ คริสตาเลส” นอกจากนี้ยังได้รับสมญานามว่า “แม่น้ำสู่สรวงสวรรค์ –The River that runway to paradise” การเดินทางในระยะแรกใช้รถยนต์จนถึงทางแยกริมฝั่งแม่น้ำ กัวญาเบโร่ ซึ่งต้องเดินเท้าต่อเข้าไปยังแม่น้ำ 5 สี อีกประมาณ 2 กิโลเมตร (หาท่านต้องการขี่ลาเข้าสู่ฝั่งแม่น้ำ กรุณาแจ้งไกด์ท้องถิ่นเพื่อเตรียมลาให้ท่านล่วงหน้า และไม่ได้รวมในค่าใช้จ่าย)
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวันแบบ Luch Box
อิสระให้ท่านได้ชมความงามของแม่น้ำ 5 สี ซึ่งมีลักษณะเป็นลำธารตื้นน้ำใสมาก สามารถเห็นพืชน้ำหลากสีโดยเฉพาะหญ้ามอส และสาหร่ายสีสันต่างๆ ทั้ง สีเขียว ,สีม่วง ,สีแดง ,สีแดงอมม่วง ,สีฟ้าอันเป็นที่มาของชื่อ “แม่น้ำ 5 สี” นำท่านชมความงามของน้ำตกน้อยใหญ่ ตลอดเส้นฝั่งแม่น้ำทั้งน้ำตกCascada de los Cuarzos , La Piedra dela Virgen , Los pianos และ Cascada del Amor อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความน่าประทับใจตามอัธยาศัย (หากท่านต้องการเล่นน้ำกรุณาเตรียมชุดว่ายน้ำ และ ผ้าขนหนูด้วย) อิสระให้ท่านได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติก่อนกลับสู่ที่พักในช่วงเย็น จากนั้นนำท่านเดินทางกลับวิญญ่าวิเซนซิโอ
17.00    
ออกเดินทางโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำ สู่วิญญ่าวิเซนซิโอ
ค่ำ       รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม
พักที่วิญญ่าวิเซนซิโอโรงแรม GHL Hotel Grand Villavicencio หรือเทียบเท่าระดับ4ดาว
วันที่หกของการเดินทาง ///วิญญ่าวิเซนซิโอ-โบโกต้า-อาร์เมเนีย
เช้า         รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
เดินทางออกจาก เมืองซีปากีรา (Zipaquira) ระยะทาง 200 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง ไปทางเหนือระยะทางจากกรุงโบโกต้าประมาณ 50 กิโลเมตร

เที่ยง     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
เยี่ยมชม มหาวิหารเกลือ (Salt Cathedral) เอกลักษณ์ของสิ่งปลูกสร้างของวิหารแห่งนี้คือโครงสร้างที่เจาะลึกเข้าไปภายในเหมืองเกลือเก่าแก่ใต้ดินที่มีความลึกกว่า 200 เมตร ซึ่งจริงๆแล้ววิหารแห่งนี้ เดิมเป็นแค่อุโมงค์เหมืองเกลือ ที่คนงานทำเหมืองได้จัดการพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้สำหรับเป็นสถานที่สวดมนต์เพื่ออ้อนวอนพระเจ้าให้คุ้มครองปลอดภัยระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ อุโมงค์นี้ขุดเจาะจากด้านข้างของภูเขาเหนือตัวเมืองไป บรรยากาศภายในจะมืดและอบอวลไปด้วยกลิ่นกำมะถัน ปัจจุบันเหมืองเกลือแห่งนี้ไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรเกี่ยวกับเกลือแล้ว เหลือเพียงแต่วิหารแห่งนี้ไว้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการบูรณะมาอย่างดีมีการประดับแสงไฟตามจุดต่างๆ เดินเข้าไปตามทางแคบๆจะเห็นแทนบูชาตั้งอยู่สุดปลายทาง ในส่วนของวิหารสูงประมาณ 22 เมตร ภายในสามารถจุคนได้ถึง 8,000 คน จากนั้นแวะชมบรรยากาศจัตุรัสกลางเมือง สถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียล ที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยว ชมโบสถ์หินที่ตกแต่งภายในแบบทันสมัย ก่อนเดินทางกลับสู่เมืองโบโกต้า
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในสนามบิน

20.29     เดินทางสู่เมืองอาร์เมเนีย (Armenia) โดยสายการบิน Avianca เที่ยวบินที่ AV9845
21.41     ถึงเมืองอาร์เมเนีย (Armenia) ภูมิภาคที่ตั้งของแหล่งผลิตกาแฟที่สำคัญของประเทศ
พักที่ อาร์เมเนีย  โรงแรม La Floresta Hotel Campestre หรือเทียบเท่าระดับ4ดาว
วันที่เจ็ดของการเดินทาง /// อาร์เมเนีย-โบโกต้า
เช้า         รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางไปยัง หุบเขาโคโครา (Cocora Valley) ออกเดินทางด้วยรถจี๊ป ได้สัมผัสประสบการณ์อันตื่นเต้นตลอดเส้นการเดินทาง นอกจากนี้ท่านจะได้ประทับใจและชื่นชมไปกับทัศนียภาพสองข้างทางที่เขียวขจีของต้นไม้บนหุบเขา ชื่นชมต้นปาล์ม “Palma de Cera” ต้นไม้ประจำชาติของโคลัมเบีย หนึ่งในสายพันธุ์ที่สูงที่สุดในโลกแห่ง เมืองซาเลนโต (Salento) สัญลักษณ์ของเมืองด้วยภูมิทัศน์ที่งดงามของเมืองแห่งนี้ เมืองเล็กๆที่สวยงามตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆของภูมิภาคกาแฟของโคลัมเบีย มันเป็นหนึ่งในเมืองที่มีสเน่ห์ที่สดุและสวยที่สุดในโคลัมเบีย ท่านสามารถสำรวจเมืองด้วยการขี่ม้าหรือเดินไปตามความยาวรอบเมือง เป็นหนึ่งในกิจกรรมบนสถานที่ที่สวยงามมากที่สุดในโคลัมเบีย
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเยี่ยมชมความงดงามของหมู่บ้านวัฒนธรรมกาแฟของชาวเมืองใน ชาเลนโต (Salento) พบกับอาคารสีสันสดใสสองข้างของถนนเล็กๆที่มักมีผู้คนนิยมนั่งดื่มกาแฟด้านหน้าอาคาร ชมอารยธรรมการดื่มของชาวเมืองที่อยู่ร่วมกันอย่างเงียบสงบ เป็นเมืองที่เหมาะแก่การพักผ่อนและมาเยี่ยมเยือนอย่างยิ่ง เยี่ยมชมแหล่งการผลิตกาแฟสำคัญของโคลัมเบีย Coffee Region ชมเทคนิคการเพาะปลูกกาแฟและขั้นตอนการผลิต เริ่มตั้งแต่การเก็บเกี่ยวผลผลิตไปจนถึงการสามารถผลิตออกมาเป็นเครื่องดื่มที่เราเห็นทุกวันนี้ ที่นี่นับว่าเป็นตัวอย่างของภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมของโคลัมเบีย สะท้อนให้เห็นถึงธรรมเนียมการปลูกกาแฟที่มีมากกว่า 100 ปีในพื้นที่เล็กๆในป่าสูง และการที่ชาวนาได้ปรับวิถีการเรียนรู้การเพาะปลูกในสภาพภูมิประเทศบนภูเขาอันยากลำบาก ที่ภูมิภาคนี้ประกอบด้วยไร่กาแฟ 6 แห่ง รวมไปถึงศูนย์กลางเมืองบนเชิงเขา 6 เมือง ทางทิศตะวันตกและตอนกลางของเทือกเขาคอร์ดิลเรลร่า เดอ ลอส แอนดีส ทางทิศตะวันตกของประเทศ จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่เมือง อาร์เมเนีย (Armenia)
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในสนามบิน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
20.05     เดินทางสู่เมืองโบโกต้า โดยสายการบิน Avianca เที่ยวบินที่ AV9842 (ใช้เวลาบิน55นาที)
21.00    
ถึงเมืองโบโกต้า จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก
พักที่โรงแรมโบโกต้า Aloft Bogota Airport หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
วันที่แปดของการเดินทาง /// โบโกต้า-ปานามา
เช้า         รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม  
นำท่านเที่ยมชมกรุงโบโกต้า (Bogota) เมืองหลวงของประเทศโคลอมเบีย นำท่านชมจตุรัสโบลิวาร์ (Plazade Bolivar) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง และยังเป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์ไซมอน โบลิวาร์ ผู้นำแห่งการเคลื่อนไหวให้ประเทศในเขตอเมริกาใต้ปลดแอกตัวเองจากการเป็นเมืองขึ้นของประเทศมหาอำนาจผู้ล่าอาณานิคม จนได้รับหรือที่รู้จักในนาม “สงครามโบลิวาร์” โดยศิลปินชาวอิตาเลี่ยนได้เป็นผู้รังสรรค์รูปปั้นนี้ในปี 1846 บริเวณจตุรัสแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของอาคารที่ทำการของรัฐบาล โดยทางทิศเหนือเป็นที่ตั้งของพระราชวังแห่งความยุติธรรม (Palace of Justice) อาคารที่เปรียบเหมือนสัญลักษณ์แห่งความยุติธรรมของประเทศ ส่วนทางทิศใต้ของจตุรัสเป็นที่ตั้งของรัฐบาลและอาคารรัฐสภาของโคลอมเบีย นำท่านถ่ายรูปหมู่อาคารในแบบโคโลเนียลสเปน ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและยังคงสภาพสมบูร์จวบจนปัจจุบันทางตะวันออกของจตุรัสเป็นที่ตั้งของวิหารแห่งโบโกต้า (Primary Cathedral of Bogota) เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิค ซึ่งสร้างในสมัยศตวรรษที่ 17 แต่ยังคงความงดงามจวบจบปัจจุบัน ที่ซึ่งมีการรักษาและบูรณะอาคารและสิ่งก่อสร้างเก่าแก่นับร้อยปี รวมถึงโบสถ์ที่มีอายุกว่า 400 ร้อยปี นำท่านเข้าชมความงามของโบสถ์ ซานฟรานซิสโก (San Francisco Church) นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ทองคำ (Gold Museum-El Museo del Oro) แห่งโคลอมเบีย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในจัดแสดงข้างของเครื่องใช้ เครื่องประดับ และวัสดุอื่นๆจากทองคำ ในช่วง Pre-Hispanic มีชิ้นงานล้ำค่าจัดแสดงกว่า 55,000 ขิ้น นอกจากนี้ในส่วนชั้นสอง และชั้นสามของพิพิธภัณฑ์ยังจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในอดีตที่สามารถขุดพบในประเทศโคลอมเบีย สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมและการดำรงชีวิตของชนเผ่าพื้นเมืองในอดีต
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
16.35     ออกเดินทางสู่การ์ตาเคนาโดยสายการบิน Avianca เที่ยวบินที่ 9798 (ใช้เวลาบิน1.30ชม)
18.05    เดินทางถึงการ์ตาเคนา จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก
ค่ำ
         รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก
พักที่เมืองการ์ตาเคนา โรงแรม Raddison Hotel Cartagena หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว

วันที่เก้าของการเดินทาง /// การ์ตาเคนา

เช้า         รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม  จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
นำท่านเที่ยวชมเขตเมืองเก่าแห่งการ์ตาเคนา (Old Town) ซึ่งยังคงสภาพและความสวยงามอย่างสมบูรณ์สะท้องให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองและความมุ่งคั่งทางประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ตั้งแต่อดีต นำท่านชมกำแพงเมืองเก่า (City wall) ที่สร้างขึ้นโอบล้อมรอบเมืองเพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึก ในอดีตชาวสเปนได้สร้างกำแพงเมืองล้อมรอบตัวเมืองที่มีอาคารศิลปะโคโลเนียบสเปนอย่างสวยงาม และยังคงความสมบูรณ์จนมาถึงทุกวันนี้ ด้วยเหตุนี้องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเมืองการ์ตาเคนาเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี ค.ศ.1984 จากนั้นนำท่านชมหอคอย “โตเรเด เรลอค” (Torre de Reloj) หอนาฬิกาสัญลักษณ์ของเมืองการ์ตาเคนา สร้างขึ้นในช่วงที่ได้รับอิทธิพลการก่อสร้างแบบสเปน ย่านเคทเซมานี (Getsemani) ซึ่งเป็นหนึ่งในย่านเมืองเก่าการ์ตาเคนาในอดีตเป็นย่านผู้ใช้แรงงาน แต่ในปัจจุบันได้รับการพัฒนาเป็นย่านแห่งสีสันยามราตรี อาคารของย่านนี้ดูเก่า แต่คงไว้ซึ่งความสวยงามและสีสรรของบ้านเรือนหลากสี ที่สะท้อนให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวาของเมือง ให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของเมืองแคริบเบี้ยนใต้ นำท่านถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์กาตาลินา (India Catalina) ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองการ์ตาเคนา ลูกสาวของหัวหน้าเผ่าที่ถูกชาวสเปนลักพาตัวไปเลี้ยงตั้งแต่เด็ก และเมื่อเธอมีอายุ 20 ปี เธอก็ได้กลับมาพบกับครอบครัวของเธอ และเป็นคนกลางเจรจาระหว่างชาวสเปนและชาวพื้นเมือง รวมไปถึงเป็นผู้ช่วยให้ชาวสเปนได้ค้นพบกับขุมทองคำในโคลอมเบียด้วย รูปปั้นนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองการ์ตาเคนาอีกด้วย จากนั้นนำท่านชม ลาสโบเบดาส (Las Bovedas) เป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองที่มีเสาโค้งและห้องต่างๆ ในอดีตห้องต่างๆเหล่านี้เคยเป็นคุก แต่ในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนเป็นร้านขายของที่ระลึก ถือเป็นย่านขายของที่ระลึกที่สำคัญของเมืองการ์ตาเคนา
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านชมจตุรัสปลาซ่า เดซาน เปโดร (Plaza de San Pedro) อันเป็นที่ตั้งของโบสถ์ซานเปโดรกลาเบร์ (Iglesia se Dan Pedro Claver) ซึ่งสร้างโดยคณะสงฆ์เยซูอิน (Jesuit) ระหว่างปีค.ศ. 1580 ถึงปีค.ศ.1654 ถือเป็นจตุรัสที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองการ์ตาเคนา จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับรูปปั้นหญิงอ้วน (La gordita) โดยเฟร์นันโด โบเตโร (Fernando Botero) ศิลปินชาวโคลอมเบียที่มีชื่อเสียงระดับโลก บริเวณจตุรัสซานโตโดมิงโก (Plazade Santo Domingo) ในย่านเมืองเก่าของเมืองการ์ตาเคนา รูปปั้นนี้ถือเป็นรูปปั้นที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่มายังเมืองนี้ต้องมาถ่ายรูป นำท่านถ่ายรูปคู่กับอาคารมหาวิทยาลัยแห่งการ์ตาเคนา (Universidad de Cartagena) ในอดีตคือสำนักสงฆ์ซานออกุสติน ปัจจุบันเป็นสถานที่สำหรับทำการเรียนการสอนในคณะนิติศาสตร์และแพทย์ศาสตร์ รวมไปถึงหลักสูตรที่สูงกว่าปริญตรีของคณะต่างๆ นำท่านชม ปราสาทซานฟิลิป เดอ บาราจาส (San Felipe de Barajas) หรือ Castillo San Felipedeสร้างอยู่บนยอมเขา และตั้งชื่อตามกษัตริย์ฟิลิปเป้ที่ 4 แห่งสเปน ตัวปราสาทสร้างเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม โดดเด่น ตระหง่านอยู่บนยอดเขา ตัวปราสาทเคยถูกทำลายเนื่องจากสงคราม Grand Alliance ในปี 1697 และได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในปี 1739-1741 หลังจากนั้นได้รับความเสียหายอีกครั้งในระหว่างสงคราม Jenkin’s Ear และได้รับการบูรณะอีกครั้งในปี 1763 ชาวเมืองสเปนเชื่อว่าหินที่ใช้ในการสร้างตัวปราสาทนั้นถูกชะโลมไปด้วยเลือดของทาสผิวดำ เพราะในอดีตเมืองแห่งนี้เป็นเมืองท่าในการค้าทาสของสเปน ได้เวลานำท่านเข้าชมมหาวิหารแห่งเมืองการ์ตาเคนา (Cetedral de Cartagena) เป็นมหาวิหารที่สำคัญที่สุดของเมืองการ์ตาเคนา สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1612 โดยใช้โบสถ์แถบอันดาลูเซียและหมู่เกาะคานารีเป็นแม่แบบ (แต่หอคอยออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส) อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของวิหารและเมืองตามอัธยาศัย
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก
พักที่เมืองการ์ตาเคนา โรงแรม Raddison Hotel Cartagena หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว

วันที่สิบของการเดินทาง ///การ์ตาเคนา-ปานามา
เช้า         รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
07.00     ออกเดินทางสู่ปานามาโดยสายการบิน Copa Airlines เที่ยวบินที่ 154 (ใช้เวลาบิน1.20 ชม)
08.20     เดินทางถึงสนามบินปานามา นำท่านเดินทางสู่ กรุงปานามาซิตี้ (Panama city) เดิมปานามาเคยตกเป็นอาณานิคมของสเปน ได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1821 ภายหลังได้รวมกับโคลัมเบีย เวเนซุเอลา และเอกวาดอร์ เป็นสาธารณรัฐ จนเมื่อปี ค.ศ. 1903  จึงได้แยกประเทศ โดยมี “ปานามา ซิตี้” เป็นเมืองหลวง
นำท่านเที่ยวชมย่านเมืองเก่าที่เรียกว่า Casco Viejo ซึ่งปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี 1997 นำท่านชมเมืองเก่าบริเวณ ซานฟิลิป (San Felipe) ซึ่งมีอาคารบ้านเรือนรูปแบบโคโลเนียล สไตล์สเปน สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1519  เมื่อพวกสเปนเข้ามายึดครอง นำท่านชมโบสถ์เก่าแก่ , ย่านจตุรัสกลางเมือง อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของเมืองและเลือกซื้อของฝากของที่ระลึก ได้เวลานำท่านชมเส้นทางอมาดอร์ คอสเวย์ (Amador Causeway) ซึ่งเป็น เหมือนสะพานที่สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อระหว่างเกาะ 3 เกาะ คือ เกาะเนาส์, เกาะเปอร์ริโก, เกาะฟลาเมนโก เป็นทางเชื่อมที่สร้างด้วยความยาวกว่า 3 กิโลเมตร และมีทัศนียภาพที่สวยงามมากอีกแห่งของปานามา อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความ สวยงามตามอัธยาศัย ได้เวลานำท่านเดินทางสู่คลองปานามา ณ ประตูกั้นน้ำมิราฟอร์เรส (Miraflores Locks)  นำท่านชมนิทรรศการพร้อมชม 3D วิดีโอ เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของคลองปานามา ซึ่งเป็นคลองเดินเรือสมุทรความยาว 77  กิโลเมตร สร้างขึ้นบริเวณคอคอดปานามาในประเทศปานามาเพื่อเชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรแอตแลนติกเข้าด้วยกัน ซึ่งช่วยย่นระยะเวลาที่ต้องไปอ้อมช่องแคบเดรกและแหลมฮอร์น ทางใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้ คิดเป็นระยะ ทางกว่า 22,500 กิโลเมตร ซึ่งมีผลอย่างยิ่งต่อการเดินเรือระหว่างสองมหาสมุทร โดยถูกใช้เป็นเส้นทางเดินเรือหลักสำหรับการค้าทางทะเลระหว่างประเทศ ตั้งแต่เปิดทำการคลองปานามาประสบความสำเร็จและเป็นกุญแจสำคัญในการขน ส่งสินค้า
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองโคลอน (Colon) นำท่านชมป้อมปราการซานโลเรนโซ่ (San Lorenzo Fort) ตั้งอยู่ในเมืองโคลอน ซึ่งป้อมปราการสเปนแห่งนี้จัดเป็นป้อมปราการที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกา ป้อมแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1597 เพื่อป้องกันการกัด เซาะตลิ่งของแม่น้ำชาเกรส (Chagres) ซึ่งเป็นปากอ่าวแม่น้ำก่อนนำเรือเข้าสู่ท่าเรือเวนตา เดอ ครูเชส (Venta de Cruces) ล่องจนถึงเมืองปานามาซิตี้ (Panama city) ณ ป้อมแห่งนี้เป็นที่ตั้งของอาวุธยุโธปกรณ์ทางการทหาร และได้รับการ ขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้เป็นมรดกโลกในปี 1980 นำท่านเที่ยวชมความสวยงามและความเก่าแก่ของป้อมปราการซานโลเรนโซ่ อันเป็นจุดยุทธศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของปานามา
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
21.25     ออกเดินทาง สู่ สนามบิน Jose Marti Intl กรุงฮาวานา ประเทศคิวบา โดยCopa Airlines เที่ยวบิน 230 (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.35 ชั่วโมง)
01.00+1เดินทางถึง สนามบินJose Marti Intl กรุงฮาวานา ประเทศคิวบา นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรนำท่านเข้าสู่ที่พัก
พักที่เมืองฮาวานา โรงแรม H10 Habana Panorama หรือเทียบเท่า


3 ธ.ค. 61///วันที่สิบเอ็ดของการเดินทาง ///ฮาวานา-ปินาร์ เดล ริโอ-ไวนาเลส-ฮาวานา
เช้า
         รับประทานอาหารเช้าในโรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่เมืองปินาร์ เดล ริโอ (Pinar Del Rio) (ระยะทาง 189 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ช.ม.) ระหว่างการเดินทางนำท่านแวะชมโรงงานผลิตรัม (Rum Factory) อันขึ้นชื่อของคิวบา และ แวะชมไร่ยาสูบ อันเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตซิการ์ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันเลื่องชื่อของคิวบา หากคิดถึงคิวบา ซิการ์คิวบาได้ชื่อว่าเป็นซิการ์คุณภาพดีที่สุดของโลก ระหว่างทางท่านจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพความสวยงามของไร่ยาสูบ และไร่ผลไม้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น อโวคาโด สับปะรด มะละกอ ฝรั่ง และ มันฝรั่ง ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกพืชเศรษฐกิจของคิวบา ระหว่างทางให้ท่านได้เก็บภาพวิวทิวทัศน์ ธรรมชาติอันสวยงามบนเกาะคิวบา จากนั้นนำท่านเที่ยวชมเมืองปินาร์ เดล ริโอ เมืองเล็กๆในแบบบรรยากาศชนบท แต่ยังคงกลิ่นอายของศิลปะแบบโคโลเนียลของหมู่อาคารเก่าแก่ภายในตัวเมือง จากนั้นนำท่านชมโรงงานผลิตซิการ์ (Cigar Factory) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตซิการ์ชั้นดีส่งออกขายยังต่างประเทศ อิสระให้ท่านได้เก็บภาพหรือเลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเดินทางสู่หุบเขาไวนาเลส (Vinales Valley) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 1999 เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการทำกสิกรรมและยังคงรูปแบบการทำไร่กสิกรรมแบบดั้งเดิม นอกจากนี้บริเวณหุบเขาแห่งนี้ยังมีการอนุรักษ์ธรรมชาติอันสวยงามจากคนในหมู่บ้านทำให้หุบเขาไวนาเลสได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก นำท่านชมความงามของหุบเขาไวนาเลส จากนั้นนำท่านขึ้นเรือเพื่อล่องแม่น้ำชมถ้ำอินเดียน (Indian Cave) นำท่านชมและแวะถ่ายรูปกับภาพเขียนสีขนาดใหญ่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ของชาวมูรัล (Prehistory Mural) ที่มีการวาดภาพเขียนสีบนแผ่นหินบนภูเขาขนาดใหญ่ อิสระให้ท่านได้เก็บภาพตามอัธยาศัยก่อนนำท่านกลับสู่กรุงฮาวานา
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่เมืองฮาวานา โรงแรม H10 Habana Panorama หรือเทียบเท่า

วันที่สิบสองของการเดินทาง/// ฮาวานา-เซียนฟวยโกส-ตรินิแดด

เช้า         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองเซียนฟวยโกส (Cienfuegos) (ระยะทาง 253 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 30นาที) เมืองแห่งมุกเม็ดงามตอนใต้ เมืองชายทะเลที่มีอ่าวสวยงามของ ทะเลคาริเบียน “Caribbean Sea” ลักษณะเป็นแหลมยาวยื่น ไปในทะเล และได้รับคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2005

เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเที่ยวชม เมืองเซียนฟวยโกส (Cienfuegos) กันที่บริเวณเขตเมืองเก่า โดยตัวเมืองนั้นเริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1819 ในสมัยที่ สเปน (Spain) ประคองอยู่ และถือได้ว่ามีการวางผังเมืองไว้อย่างดีเยี่ยม ชม จัตุรัสกลางเมือง “Parqaue Marti” ที่ล้อมรอบไป ด้วยตึกเก่าแก่ แต่ได้มีการรักษาไว้อย่างดี ชม อาคารที่ทำการรัฐบาล Palacio Valle อาคารที่ตั้งตระหง่าน โดดเด่นด้วย สถาปัตยกรรมแบบสเปน จากนั้นให้ท่านเดินเล่นชมความร่มรื่นของถนนริมทางเดินทะเล ผ่านชมอาคารที่ตกแต่งแบบโกธิค ผสมอาหรับและสเปน (Spain) กระทั่งสมควรแก่เวลานำท่านออกเดินทางสู่ เมืองตรินิแดด (Trinidad) (ระยะทาง 85 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที) เมืองที่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางด้านสถาปัตยกรรมในปี ค.ศ. 1988

ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่เมืองตรินิแดด
Brisas Trinida del Mar Hotel หรือเทียบเท่า
วันที่สิบสามของการเดินทาง/// ตรินิแดด-คามาเกว

เช้า      รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านชมเมืองตรินิแดด (Trinidad) ซึ่งเป็นเมืองที่มีการอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างของอาคารบ้านเรือนในสมัยเก่าไว้อย่างสมบูรณ์ ชมรอบๆ จัตุรัสซานต้าแอน “The Santa Ana Square” ที่ล้อมรอบไปด้วยบ้านสีสันสวยงามต่างๆ จากนั้นนำท่านออกนอกเมืองกันเล็กน้อย เพื่อไปสู่ ดินแดนแห่งน้ำตาล “Sugar Mills Valley” โดยที่แห่งนี้ อดีตเคยเป็นแหล่งอุตสาหกรรมผลิตน้ำตาลที่สำคัญของคิวบา (Cuba) กินเนื้อที่กว่า 270 ตารางกิโลเมตร และเคยมีโรงงานผลิตน้ำตาลกว่า 70 โรงงาน ในพื้นที่แห่งนี้ ชมหอคอยมานาคัส อิซนากา “Manacas Iznaga Tower” ที่สร้างในสมัยศตวรรษที่ 18 โดยเจ้าของได้สร้างหอคอยสูงเพื่อไว้คอยควบคุมและดูทาสที่มาจากแอฟริกา (Africa) ที่เข้ามาทำงานในไร่อ้อย ของเขากว่า 30,000 คน และถือว่าเป็น

อนุสาวรีย์สำหรับความทรงจำทางประวัติศาสตร์ที่น่าเศร้าจากการเป็นทาส ในไร่อ้อยแห่งนี้

เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองคามาเกว (Camagüey) (ระยะทาง 256 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 30นาที) เมืองที่ก่อตั้งขึ้นโดยชาวสเปนในคิวบา (Cuba) ในยุคแรกๆ มีบทบาทโดดเด่นในฐานะเป็นเมืองศูนย์กลางภายในประเทศที่โดดเด่นด้านปศุสัตว์ และอุตสาหกรรมน้ำตาล โดยการพัฒนาของผังเมืองที่ผิดจากเมืองทั่วไปที่ปกติจะเป็นสี่เหลี่ยมที่มีระบบ แต่เมืองนี้กลับมีถนนเล็กๆ คดเคี้ยว ตรอกซอกซอย เหมือนดังเขาวงกต ต่างจากเมืองอาณานิคมใน ลาตินอเมริกา (Latin America) และเมืองคามาเกว (Camagüey) ถือเป็นตัวอย่างที่โดนเด่นของการตั้งถิ่นฐานในเขตเมืองดั้งเดิมที่แยกจาก เส้นทางการค้าหลัก อาณานิคมของสเปน (Spain) ที่ได้รับอิทธิพลจากยุโรป

ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่เมืองคามาเกว โรงแรม
Grand Hotel หรือเทียบเท่า

วันที่สิบสี่ของการเดินทาง/// คามาเกว-บายาโม-เอล คอลเบ้-ซานติเอโก เดอ คิวบา

เช้า      รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านชม เมืองคามาเกว (Camagüey) อนุสาวรีย์ อิกนาซิโอ อากามอนเต้ “Parque Ignacio Agramonte” นักกฎหมายชื่อดังที่มีบ้านเกิดอยู่ที่เมืองแห่งนี้ และเป็นหนึ่งในผู้นำการประกาศอิสรภาพของชาวคิวบา ที่ถูกปกครองโดยชาวสเปนจากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองบายาโม (Bayamo) (ระยะทาง 206 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) อีกหนึ่งเมืองสำคัญที่ถูกปกครองโดยชาวสเปน ตัวเมืองเริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่ในปี ค.ศ. 1513 และเป็นหนึ่งในสมรภูมิที่ชาวคิวบาต่อสู้เพื่ออิสรภาพ นำท่านเข้าสู่ จัตุรัสฮิมโน “Plaza del Himno” สถานที่สำคัญของเมืองในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ไม่วุ่นวานไปด้วยผู้คนมากนัก ให้

ท่านเดินเล่นชมสถาปัตยกรรมรอบๆ บริเวณกันตามอัธยาศัย

เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านเอล คอลเบ้ “El Cobre” (ระยะทาง 109 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1ชั่วโมง 30 นาที) ที่หมู่บ้านนี้เคยมีชื่อเสียงของเหมืองทองแดง ซึ่งมีคนงานจำนวนมากและได้ถูกปิดลงในปี ค.ศ. 1807 แต่ปัจจุบันหมู่บ้านนี้กลับมีชื่อเสียงเรื่องโบสถ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ นำท่านขึ้นเนินเขาเพื่อไปชม โบสถ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองคอลเบ้ “Basilica del Cobre” ที่ภายในโบสถ์เป็นที่ประดิษฐานพระรูปของพระแม่มารี ที่แต่องค์ด้วยชุดสีเหลือง ทรงมงกุฎประดับเพชร มรกต และทับทิม มีรัศมีทำด้วยทองคำ และถือ

ไม้กางเขนที่ประดับด้วยเพชรและหินอาเมธิส โดยพระแม่มารี องค์นี้ได้รับการยกย่องให้เป็นพระแม่ผู้พิทักษ์คิวบาตั้งแต่ปี 1916 และในปี 1998 สันตะปาปา จอนห์ ปอลที่ 2 ได้ถวายมงกุฎให้กับพระแม่ เมื่อคราวเสด็จมาเยือนคิวบา (Cuba) มีเรื่องราวเกี่ยวกับอภินิหารที่พระแม่ทรงช่วยชีวิตผู้คนหลายเรื่อง ทำผู้คนเลื่อมใสและเดินทางมาสักการะที่โบสถ์แห่งนี้เป็นจำนวนมาก จากนั้นนำท่านออกเดินทางต่อสู่ เมืองซานติเอโก เดอ คิวบา (Santiago de Cuba) (ระยะทาง 18 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาที)
เป็นเมืองใหญ่ที่สำคัญมากอีกเมืองหนึ่งของคิวบา (Cuba) เพราะมีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นมากมาย และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศคิวบา (Cuba)

ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักเมืองซานติเอโก เดอ คิวบา Meliá Santiago de Cuba หรือเทียบเท่า

วันที่สิบห้าของการเดินทาง/// ซานติเอโก เดอ คิวบา-ฮาวานา

เช้า      รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางออกนอกเมืองเล็กน้อย เพื่อไปชม ป้อมปราการมอร์โร “Morro Castel” ป้อมปราการขนาดใหญ่ ที่สร้างในปี 1637ป้อมที่ใช้ป้องกันจากการปล้นสะดมของเหล่าโจรสลัด ภายในมีพื้นที่สำหรับทหาร มีโบสถ์เล็กๆ กองบัญชาการและห้องใต้ดินสถาปัตยกรรมของป้อมนี้เป็นการผสมผสานของศิลปะยุคกลางและรูปแบบคลาสิค ในรูปทรงเราขาคณิตและหันหน้าออกสู่อ่าว ที่เชื่อมไปยังทะเลคาริเบียน “Caribbean Sea” และองค์การยูเนสโก ได้จัดให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1997 อีกด้วย

เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่าน ชม พิพิธภัณฑ์ดิเอโก เวลัสกัส “Casa de Diego Velazquez” ที่อยู่ในย่านหมู่ย่านเก่าแก่อีกหนึ่งแห่งหนึ่งในประเทศคิวบา (Cuba) ตัวพิพิธภัณฑ์เริ่มสร้างในปีค.ศ. 1516 และเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1530 ซึ่งมีการจัดแสดงถึงผลงานของ ดิเอโกเวลัสกัส “Diego Velazquez” จิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของสเปนในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ชมห้องที่จัดแสดงวิวัฒนาการของงานเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของต่างๆ ต่อด้วย ชม สวนเชสเปเดส “Parque Cespedes” ลานกว้างที่เป็นศูนย์กลางทางการเมือง ศาสนาและสังคม มีโบสถ์ซานติอาโก “Santiago Church” ที่สร้างตั้งแต่ ค.ศ. 16 เป็นศูนย์กลาง ลานกว้างในอดีตถูกใช้เป็นที่ฝึกการสวนสนามและขบวนพาเหรดของทหาร ปัจจุบันเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของผู้คน ถือเป็นศูนย์กลางของเมืองซานติเอโก เดอ คิวบา(Santiago de Cuba) จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ท่าอากาศยานเมืองซานติเอโก เดอ คิวบา “Santiago de Cuba Airport”

18.00      ออกเดินทางกลับสู่ กรุงฮาวานา โดยสายการบิน Cubana de Aviacion เที่ยวบินที่ CU987
(ใช้เวลาในการเดินทาง 1.25ชม.)

19.25       ถึงท่าอากาศยานนานาชาติโฮเซ่มาร์ติ José Martí International Airport” แห่ง กรุงฮาวานา
ค่ำ         รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นท่านเข้าสู่ที่พัก

พักที่เมืองฮาวานา โรงแรม H10 Habana Panorama หรือเทียบเท่า

วันที่สิบหกของการเดินทาง///  กรุงฮาวานาเมืองเก่า-เมืองใหม่
เช้า      รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง ซึ่งเดิมทีเคยเป็นอาณานิคมของสเปน (Spain) แต่ต่อมาก็เกิดการเรียกร้องเอกราชขึ้น ภายใต้การสนับสนุนของประเทศสหรัฐอเมริกา (United States of America) และสหรัฐอเมริกา (United States of America)ก็สนับสนุนให้คนของตนขึ้นบริหารประเทศ โดยมีผลประโยชน์จากอุตสาหกรรมน้ำตาลเป็นแรงจูงใจ อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา นายฟิเดล คาสโตร ผู้ที่เคยร่วมปฏิวัติร่วมกับ เช กูเวรา ได้เข้ายึดอำนาจ และปกครองคิวบา ด้วยระบอบสังคมนิยม ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1959และถูกตัดความสัมพันธ์จากสหรัฐอเมริกา (United States of America) นับแต่นั้นเป็นต้นมา  นำท่านเข้าสู่ย่าน คาซาบัลก้า “Casablanca” ที่อยู่บริเวณตรงข้ามกับอ่าวฮาวานา “Havana Bay” ซึ่งเปรียบเสมือนเมืองท่า ที่เริ่มสร้างเมืองกันตั้งแต่ปี ค.ศ. 1700 นำท่านเที่ยวชมย่านเมืองเก่าแก่ แวะไปถ่ายรูปกับรูปปั้นหินอ่อนของพระคริสต์ “Cristo de La Habana” ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าบริเวณริมอ่าว มีความสูงถึง 18 เมตร น้ำหนักมากกว่า 300 ตัน โดยนำมาจากประเทศอิตาลี (Italy) จากนั้นนำท่านไปชม อาคารรัฐสภา“Capitolio Nacional” สถานที่ทำการของรัฐบาลคิวบา โดยมีการออกแบบภายนอกคล้ายกับอาคารรัฐสภาของสหรัฐอเมริกา(United States of America) แล้วนำท่านไปชม วิหารประจำเมือง “Cathedral of Havana” โบสถ์เก่าแก่ ที่เริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1748 โดยใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึงเกือบ 30 ปี นําท่านชมยานเมืองเก่าฮาวานา (Old Havana)ย่านท่องเที่ยวหลักที่ตั้งอยูใจกลางเมือง ซึ่งส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยชาวสเปนในช่วงปี ค.ศ.1519 เป็นย่านที่มีความโดดเด่นในเรื่องของอาคารสถาปัตยกรรมบา โร๊ค (Baroque Style)และสไตล์นีโอคลาสสิค (Neoclassic Style) ซึ่งอาคารหลายหลังได้ชํารุดทรุดโทรมลงไปในช่วงศตวรรษที่ 20 แต่ในช่วงหลังๆก็ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่อีกครั้ง  ได้เวลานําท่านสู่ พลาซ่า เดอ อาร์ม หรือจัตุรัสเก่าแก่ที่สร้างเป็นป้อมปราการล้อมรอบเมือง เพื่อใช้ป้องกันการรุกรานจากข้าศึกและโจรสลัดในอดีต นําท่านเที่ยวชมความงดงามของเมืองเก่าฮาวานา ที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลก ความสวยงามและสมบูรณ์ของหมู่อาคารที่ได้รับอิทธิพลในสมัยโคโลเนียล ยังคงสีสันและสะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งเรืองและการล่าอาณานิคมในอดีตของชาวยุโรปได้เป็ นอย่างดี นําท่านชม จัตุรัสซานฟรานซิสโก (San Francisco Square) ซึ่งในอดีตเป็นสถานที่ในการค้าขายและเปลี่ยนสินค้า และเป็นที่เก็บสินค้าในการค้าขายทางเรืออีกด้วย อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของเมืองมรดกโลกฮาวานาตามอัธยาศัย จากนั้นนําท่านชม บ้านของ เช เกวารา (Che

Guevara House)อีกหนึ่งวีรบุรุษชาวอาร์เจนตินาอันเป็นที่รักยิงของชาวคิวบา แพทย์และนักปฏิวัติเพื่ออุดมคติในการปฏิรูปการปกครองของคิวบา
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นําท่านเที่ยวชม เมืองใหม่แห่งกรุงฮาวานา (Modern Havana) อันเป็นที่ตั้งของสถานที่สําคัญเพื่อย้อนรําลึกถึงประวัติศาสตร์ของคิวบา นําท่านถ่ายรูปกับอนุสรณ์สถานโฮเซ มาร์ติ (Jose Marti Memorial) เป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างเป็นทาวเวอร์รูปดาว สูง 109 เมตร เพื่อรําลึกถึงวีรบุรุษชาวคิวบา จากนั้นนําท่านชม จัตุรัสแห่งการปฎิวัติคิวบา (Revolution Square) และ จัตุรัสแห่งเกียรติยศ (Dignity Square) ได้เวลานําท่าน ชม ถนนมาเลคอน(Malecon)ถนนเลียบชายฝั่งที่มีความยาวประมาณ 8 กิโลเมตร ซึ่งหากมาในช่วงเย็นๆจะพบวามีผู้คนออกมาทำกิจกรรมต่างๆร่วมกนอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นการปาร์ตี้สังสรรค์ ตกปลา หรือแม้แต่การลงเล่นน้ำทะเล นอกจากนี้แล้วบนถนนมาเลคอนยังเป็นที่ตั้งของอาคารสําคัญๆเป็นจํานวนมาก ได้แก่

ตึกรามบ้านช่องเก่าแก่รวมไปถึงป้อมปราการเก่าแก่ที่เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลก จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในสนามบิน

20.20     ออกเดินทาง สู่กรุงปารีส โดยสายการบิน Air France เที่ยวบินที่ AF825

วันที่สิบเจ็ดของการเดินทาง /// ปารีส-กรุงเทพมหานคร
11.15     เดินทางถึงกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อแวะเปลี่ยนเที่ยวบิน 5 ชม.
16.15     ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Air France เที่ยวบินที่ AF166
(ใช้เวลาบินประมาณ 11ชม.)
วันที่สิบแปดของการเดินทาง ///
กรุงเทพมหานคร
09.05     เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพและประทับใจยิ่ง
………………………………………………………………………………………………………………
อัตราค่าบริการ
ผู้ใหญ่พักห้องคู่หรือเด็ก1 ท่านพักกับผู้ใหญ่1 ท่าน 309,000.-
ในกรณีต้องการพักห้องเดี่ยวเพิ่มท่านละ 59,000.-
เด็กต่ำกว่า12 ปี (เสริมเตียง-พักกับผู้ใหญ่อีก2 ท่าน) 309,000.-